- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Sunday, 28 December 2014 18:20
- Hits: 6665
3 ทายาทตระกูล มงคลเจริญศรี รับภารกิจท้าทายปั้นแบรนด์'พรีเมี่ยมเพลส'ขยายอาณาจักรครอบคลุมกรุงเทพฯ-มณฑล
ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ เรียกได้ว่าไม่ใช่ปีที่สดใสนัก ต้องเผชิญกับมรสุมรุมเร้ามากมาย นับตั้งแต่ช่วงต้นปี แม้ว่าช่วงกลางปีที่สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลาย ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาด แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังชะลอตัว ส่งผลกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตก็ยังมีโอกาสสำหรับคนที่มองเห็นเสมอ ค่ายพรีเมี่ยมเพลส บริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ที่รู้จักกันดีในโซนกรุงเทพฯตะวันออก ไม่หวั่น! ได้ยึดฤกษ์ดีปีม้า เปิดตัวต่อสื่ออย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายใต้การบริหารของ 3 ทายาท คือ ธนเทพ,พลยุทธ และพรเทพ มงคลเจริญศรี พร้อมที่จะห้อตะบึงในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย หลังจากที่เป็นเสือซุ่มเงียบมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี พัฒนาโครงการมาแล้ว 20 โครงการ มูลค่ารวม 7,656 ล้านบาท
"ครอบครัวเริ่มต้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2529 ช่วงนั้นคุณพ่อทำธุรกิจหลายอย่าง รวมทั้งรับเหมาด้วย จึงมองเห็นโอกาสที่จะเริ่มพัฒนาโครงการเอง เริ่มต้นจากการสร้างอาคารเพื่อขายแบบโปรเจ็กต์บายโปรเจ็กต์ ไม่มีชื่อโครงการ ไม่มีแบรนด์ ยุคแรกก็จะมี อาคารพาณิชย์ย่านเหม่งจ๋าย อารีย์ แต่ราวปี 2546 ผมและพี่ๆ ได้เข้ามารับช่วงต่อจากคุณพ่อ โดยได้ตั้งบริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด พัฒนาทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ แบรนด์พรีเมี่ยมเพลส" พรเทพ มงคลเจริญศรี ทายาทหนุ่มคนสุดท้อง วัย 37 ปี ดีกรีปริญญาตรี สาขา Business Management และปริญญาโท สาขา International Business จาก Royal Holloway University of London บอก ปัจจุบันเขารับหน้าที่ดูแลด้านการขายและมาร์เก็ตติ้งของกลุ่มบริษัท
ขณะที่พี่ชายคนโต ธนเทพ มงคลเจริญศรี รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ของกลุ่มบริษัท พรีเมี่ยม เพลสฯ ดูแลด้านการเงิน และพลยุทธ มงคลเจริญศรี วิศวกรหนุ่มของบ้าน รับหน้าที่ดูแลเรื่องงานก่อสร้าง สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานของทั้ง 3 พี่น้อง จะแบ่งสรรปันส่วนกันชัดเจน ไม่ทับซ้อนกัน และในการทำงานก็มีการปรึกษาหารือและพูดคุยกันตลอด
แม้ว่า 3 หนุ่มจะทำงานรื่นไหลไปได้แค่ไหน แต่ผู้กุมบังเหียนอยู่หลังบ้านคือ คุณพ่อ "พิบูลย์ มงคลเจริญศรี" แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ลงมาบริหารงานโดยตรง แต่ยังให้คำแนะนำแก่ลูกๆ และเป็นฝ่ายจัดหาที่ดินผืนงาม ทำให้ค่ายพรีเมี่ยมเพลสมีที่ดินทำเลดีพัฒนาโครงการส่งต่อให้แก่ผู้บริโภค
คุณพรเทพ บอกว่า ปัจจุบันกลุ่มพรีเมี่ยมเพลส มีการพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ พรีเมี่ยมเพลส และจากการเห็นโอกาสและการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียม ได้เริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ พรีมิโอ ทั้งนี้ ยังมีการพัฒนาอพาร์ตเมนต์ เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจและสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องในระยะยาวด้วย โดยมีสัดส่วนโครงการทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศอยู่ที่ 40% คอนโดมิเนียม 40% และอพาร์ตเมนต์อีก 20% และมีแผนจะพัฒนาโครงการเหล่านี้ต่อเนื่อง
ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวนั้น คุณพรเทพบอกว่ายังไม่ได้พัฒนา เนื่องจากที่ดินมีราคาสูง หากพัฒนาบ้านเดี่ยวราคาขายจะสูงมากเกินไป แต่ในอนาคตหากมีที่ดินที่เหมาะก็จะพัฒนาแน่นอน
"เรามีความมั่นใจที่จะเข้ามารุกตลาดอย่างจริงจังและเต็มรูปแบบของกลุ่มพรีเมี่ยมเพลส เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีต่อเนื่อง แม้ตลาดจะมีการแข่งขันสูงมาก แต่เราไม่กลัว เพราะกลุ่มพรีเมี่ยมเพลสจะพยายามชูจุดแข็งคือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ รูปแบบของโปรดักส์ที่ชัดเจน คุณภาพของสินค้า รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อทำให้ลูกค้าเห็นว่ามีความคุ้มค่าที่จะซื้อสินค้า"
สำหรับ จุดเด่นสำคัญของบริษัทคือ ทำเล เพราะทุกโครงการของบริษัทจะเน้นทำเลที่ติดถนนใหญ่ ทำให้มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยและเอสเอ็มอี เป็นการสร้างรายได้ ส่วนการออกแบบและดีไซน์ จะเน้นความสูงโปร่ง และฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานได้จริง มีความปลอดภัย
"คาดว่า ในระยะ 3-5 ปี ลูกค้าจะรู้จักบริษัท รู้จักแบรนด์พรีเมี่ยมเพลสและพรีมิโอ และรู้ว่าคุณภาพของเราเป็นอย่างไร ผ่านการสร้างการรับรู้ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ บิลบอร์ด รวมทั้งจะเน้นกลุ่มตลาดออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI เพื่อระดมทุนภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากปัจจุบัน 350 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท" คุณพรเทพบอก
สำหรับ แผนการพัฒนาโครงการใหม่ในระยะต่อไปของบริษัท จะพัฒนาปีละประมาณ 2-3 โครงการ โดยจะขยายทำเลการพัฒนาให้ครอบคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งย่านรัชดาภิเษก แคราย เป็นต้น จากเดิมที่บริษัทมีความชำนาญในการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯโซนตะวันออก ย่านรามอินทรา เกษตร-นวมินทร์ และลาดพร้าว เนื่องจากปัจจุบันที่ดินย่านรามอินทรา เริ่มหาได้ยากมากขึ้น และราคาปรับสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะในระยะเวลาเพียงปีเดียว จากเดิมซื้อขาย 70,000-80,000 บาทต่อตารางวา เป็น 150,000-160,000 แสนบาทต่อตารางวา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินสะสมในต่างจังหวัด ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาเป็นโรงแรม รวมทั้งคอนโดมิเนียมด้วย อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจในระยะสั้น บริษัทยังเน้นการพัฒนาในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาโครงการได้อีกมาก
ส่วนปี 2558 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คือ โครงการทาวน์โฮม พรีเมี่ยมเพลส พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช พื้นที่ 8 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต ราคา 5.6-7 ล้านบาทขึ้นไป, โครงการ พรีเมี่ยมเพลส แฟชั่นไอส์แลนด์ พื้นที่ 13 ไร่ อาจจะปรับเป็นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส คือ พัฒนาทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล ส่วนอีก 2 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียม แบรนด์ พรีมิโอ ย่านรามอินทรา อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน พื้นที่แปลงละ 5 ไร่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 1,500 ล้านบาท
หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว นี่ถือเป็นก้าวแรกในสังเวียนเท่านั้น ยังมีเวลาที่จะพิสูจน์ผลงานของทายาทรุ่นที่สอง ตระกูลมงคลเจริญศรี ว่าจะเก๋าเกมสมกับประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 20 ปีหรือไม่...