- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 28 October 2014 20:46
- Hits: 2592
พรีเมี่ยม เพลสฯปรับแผนการลงทุน เล็งพัฒนาเพิ่มปีละ 4 โครงการ
แนวหน้า : นายธนเทพ มงคลเจริญศรี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ แบรนด์ ‘พรีเมี่ยม เพลส’ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และโครงการแนวสูง’พรีมิโอ’ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พรีมีโอ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมากว่า 20 ปี บริษัทจึงตั้งเป้าหมายภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 350 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาโครงการเพิ่มจากเฉลี่ยประมาณ 2-3 โครงการ เป็นปีละ 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยกระจายการพัฒาโครงการไปในทำเลอื่นๆมากขึ้น จากปัจจุบันที่เน้นพัฒนาโครงการในทำเลรามอินทรา,เกษตร-นวมินทร์ และลาดพร้าว เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบในทำเลรามอินทรา,เกษตร-นวมินทร์ และลาดพร้าว เริ่มหาได้ยากมากขึ้น และราคาปรับสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 70,000-80,000 บาทต่อตารางวา (ตร.ว.) เป็น 150,000-160,000 บาทต่อตร.ว. ดังนั้นแนวโน้มในอนาคตหากผู้ประกอบการจะพัฒนาโครงการ ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องภาวะเศรษฐกิจและหนี้ภาคครัวเรือน
สำหรับ แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558 จะพัฒนา 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ “พรีเมี่ยม เพลส พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์ สมโภช” บนพื้นที่ 8 ไร่ เป็นทาวน์โฮม สูง 3-4 ชั้น ขนาด 21.25 ตร.ว. ราคา 5.6-7 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 85 หน่วย (ยูนิต) มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท, 2.โครงการ'พรีเมี่ยม เพลส แฟชั่น ไอส์แลนด์'บนพื้นที่ 13 ไร่ อาจจะปรับเป็นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส คือ พัฒนาทั้งคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางผังโครงการ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนอีก 2 โครงการ จะเป็นคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินแปลงละประมาณ 5 ไร่ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปี 2557 นี้
นายธนเทพ กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2557 นี้ บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ได้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงาน และมีนโยบายเร่งอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ มีการเปิดตัวโครงการในประเภทต่างๆมากขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2557 มียอดขายอยู่ที่ 800 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ที่ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่ากว่า 10% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจเพื่อการขาย และในปี 2558 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 1,500 ล้านบาท
'พรีเมี่ยมเพลส'เพิ่มวางดาวน์
ไทยโพสต์ : ลาดปลาเค้า *'พรีเมี่ยมเพลส'เพิ่มอัตราเงินดาวน์เป็น 10-15% สกัดหนี้เสีย จองแล้วทิ้ง ลุยแผนปี 58 เปิด 4 โครงการใหม่ 2,000 ล้านบาท
นายธนเทพ มงคลเจริญศรี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอสัง หาริมทรัพย์ช่วงปลายปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม มองว่าหนี้ครัวเรือนคืออีกหนึ่งปัญหาที่จะชะลอกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น เพื่อเป็นการลดปัญหาดังกล่าว บริษัทได้ปรับเพิ่มอัตราเงินดาวน์ซื้อที่อยู่อาศัยจากเดิม 5-10% เป็น 10-15% เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้ามีความสามารถในการผ่อนชำระค่างวด ขณะเดียวกัน บริษัทได้เพิ่มความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในปีหน้าด้วย โดยจะเน้นที่ทำเลก่อน เนื่องจากที่ดินราคาสูงขึ้นมาก
โดยปี 2558 บริษัทมีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 2 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทมีแผนระยะยาวภายใน 5 ปี จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งคาดว่าจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มจาก 350 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท และมีพอร์ตการลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท
ล่าสุด เปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พรีมิโอ เฟรสโก เป็นอาคารสูง 8 ชั้น รวม 226 ยูนิต มูลค่า 630 ล้านบาท ติดถนนรามอินทรา กม.2 ใกล้รถไฟ ฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
สำหรับ ผลประกอบช่วง 9 เดือน มียอดขาย 800 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าทั้งปีไว้ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ที่ 1,200 ล้านบาท และปี 2558 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 1,500 ล้านบาท.