- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Friday, 04 September 2020 16:11
- Hits: 5755
บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่และคอนโดติดสถาบันการศึกษาฟื้นตัวเร็วสุด
หลังจากภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนต่างๆ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ พบว่า ตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่และตลาดคอนโดมิเนียมติดสถาบันการศึกษาได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งสองตลาดนี้กลับมาฟื้นตัวก่อนตลาดอื่นๆ
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า “หลังจากที่ไทยผ่านช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 เราเห็นได้ชัดว่า ตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปเป็นหนึ่งในตลาดที่สามารถฟื้นตัวได้เร็วที่สุด พิจารณาจากตัวเลขยอดขายโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นที่ปรึกษาการตลาดและการขาย โดยโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนมีทั้งสิ้น 9 โครงการ ทั้งในทำเลใจกลางกรุงเทพฯย่านมิดทาวน์ และย่านชานเมืองของกรุงเทพมหานครมีระดับราคาตั้งแต่ 25.9 ถึง 150 ล้านบาทต่อหลัง โดยผู้ซื้อเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อและเห็นโอกาสที่มีโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ตลอดจนผู้ซื้อที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นและมีความเป็นส่วนตัวซึ่งเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนรูปแบบการอยู่อาศัยใหม่ภายหลังโควิด-19”
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังพบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมทำเลดีติดสถาบันการศึกษาเป็นอีกหนึ่งตลาดหนึ่งที่ฟื้นตัวได้เร็ว และได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากวิกฤตโควิด-19 “คอนโดมิเนียมทำเลดีติดสถาบันการศึกษามีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะมีความต้องการอยู่จริง (Real Demand) ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออาศัยอยู่เอง หรือผู้ปกครองซื้อให้บุตรหลาน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำและปล่อยเช่าได้ง่าย เมื่อต้องการขายต่อเพื่อทำกำไรจะมีความคล่องตัวกว่าเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมทั่วไป โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมรุ่นใหม่ๆ จะมีการออกแบบที่ทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่” นางสาวอลิวัสสากล่าวเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมประเภทอื่นๆ นั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มลูกค้าและการตลาดของซีบีอาร์อีพบว่า ความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อในตลาดที่มีอยู่เดิมก่อนโควิด-19 นั้นกำลังจะกลับมา โดยรอจังหวะราคาและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ดีในช่วงนี้จากเดิมที่เคยชะลอการตัดสินใจ โดยกลุ่มผู้ซื้อในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทย 93% และชาวต่างชาติ 7% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย
A9112
******************************************
