- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Thursday, 12 December 2019 22:35
- Hits: 1356
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกัน 'บ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)' ที่ 'AA-' แนวโน้ม ‘Stable'
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT หรือผู้ออกหุ้นกู้) ที่ระดับ 'AA-' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต'Stable'หรือ 'คงที่' โดยหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการออกหุ้นกู้วงเงินรวม 2.5 หมื่นล้านบาทของบริษัทและหุ้นกู้ทั้งหมดได้รับการค้ำประกันโดย Frasers Property Ltd. (FPL หรือผู้ค้ำประกัน) โดยFPHT เป็นบริษัทลูกของ FPL ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกัน (FPL อันดับเครดิต ‘AA-/Stable’ โดยทริสเรทติ้ง)
ภายใต้สัญญาค้ำประกัน FPL จะให้การค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ทั้งจำนวนซึ่งรวมถึงเงินต้น ตลอดจนหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หุ้นกู้มีการค้ำประกันดังกล่าวจะได้รับการจัดชั้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าหนี้ที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่นๆ ของ FPL และสัญญาค้ำประกันจะอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศสิงคโปร์
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ FPL โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการกระจายตัวทั้งในแง่ของประเภทธุรกิจและทำเลที่ตั้ง ฐานรายได้จากสินทรัพย์ให้เช่าที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งการบริหารจัดการเงินทุนที่มีประสิทธิภาพของ FPL อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากภาระหนี้ที่สูงของบริษัทอันเป็นผลจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
FPL เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบบูรณาการครบวงจร (Integrated Real Estate Company) บริษัทจดทะเบียนบนกระดานหลักในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) ในปี 2557 โดยมีกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น หรือ TCC Group เป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วนรวมประมาณ 87% บริษัทมีหน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์จำนวน 4 หน่วยหลัก ได้แก่ ธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย ธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและบริการ (Hospitality) และส่วนธุรกิจต่างประเทศ โดยธุรกิจทั้งหมดของบริษัทครอบคลุมการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ธุรกิจมีการกระจายตัวดี
FPL มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการกระจายตัวของธุรกิจทั้งในส่วนของประเภท ทำเลที่ตั้ง และฐานลูกค้า รูปแบบธุรกิจของบริษัทประกอบไปด้วยธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อันได้แก่ พื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่า สำนักงานให้เช่า และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์
การผสมผสานกันระหว่างธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและเพื่อให้เช่าส่งผลดีต่อ FPL ทั้งในแง่ของความมั่นคงของกระแสเงินสดและความสามารถในการทำกำไร ในขณะที่ความหลากหลายของทำเลทางธุรกิจก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการถดถอยของอุตสาหกรรมในกรณีที่สภาพตลาดในแต่ละประเทศไม่เอื้ออำนวยในบางช่วงเวลาด้วยเช่นกัน
แหล่งรายได้ของบริษัทมีการกระจายตัวที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของประเภทธุรกิจและทำเลที่บริษัทดำเนินธุรกิจ สำหรับปีบัญชี 2562 กำไรจากการดำเนินงานก่อนการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรม ภาษี และรายการพิเศษ (Profit Before Interest, Fair Value Change, Taxation, and Exceptional Items -- PBIT) มาจากสินทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่าให้เช่าในสัดส่วน 75% และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย PBIT จากธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ 29% ประเทศออสเตรเลีย 24% ประเทศจีน 19% ทวีปยุโรป 15% และธุรกิจในประเทศอื่น ๆ รวมกันอีก 13%
มีฐานรายได้จากสินทรัพย์ให้เช่า
การเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องช่วยสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัท และช่วยลดความผันผวนและการพึ่งพารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยในรอบปีบัญชี 2562 สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน 2562 บริษัทและบริษัทลูก Frasers Centrepoint Trust (FCT) ได้ซื้อหุ้นของบริษัท PGIM Real Estate AsiaRetail Fund Limited (PGIM ARF) รวมกัน 88% มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ส่งผลให้บริษัทกลายเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่านอกเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ PGIM ARF มีศูนย์การค้าให้เช่า 6 แห่ง และสำนักงานให้เช่า 1 แห่งในสิงคโปร์ และมีศูนย์การค้าให้เช่า 4 แห่งในมาเลเซีย ในรอบปีบัญชี 2562 FPL มีสินทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่าในสัดส่วน 83% ของสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท (ประกอบด้วย ธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่า สำนักงานให้เช่า และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์) คิดเป็นมูลค่ารวม 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จำนวน 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2563 และ 4.7-5.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2564-2565 โดยคาดว่าสินทรัพย์เพื่อให้เช่าจะสร้างรายได้ในระดับ 2.1-2.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยในปีบัญชี 2562 FPL มีรายได้ 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1.25 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยกำไรที่ได้จากสินทรัพย์เพื่อเช่า คิดเป็นประมาณ 75% ของ EBITDA ซึ่งฐานรายได้ที่เข้มแข็งและสม่ำเสมอดังกล่าวช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทมีความผันผวนน้อยลง ซึ่งบริษัทจะรักษาระดับของ EBITDA จากสินทรัพย์ที่มีรายได้จากค่าเช่าที่ 70%-75% โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่า ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละ 1.4-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และจะมีเงินทุนจากการดำเนินงาน (Funds from Operations -- FFO) ที่ระดับ 670-750 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2563-2565
รายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ลดลงในสิงคโปร์และออสเตรเลียได้รับการชดเชยบางส่วนจากรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทย
ทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์และออสเตรเลียจะชะลอลงในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางและค่าเงินออสเตรเลียที่อ่อนตัวลง ขณะที่รายได้จากการจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์จะลดลงในปีบัญชี 2562 จากการที่บริษัทไม่มีโครงการที่สร้างเสร็จและรับรู้รายได้ บริษัทเพิ่งเปิดตัวโครงการ “Riviere” มูลค่าโครงการประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังไม่รับรู้รายได้ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการในประเทศออสเตรเลีย
การชะลอตัวลงของรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์และออสเตรเลียจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยภายใต้บริษัท Golden Land Property Development PLC (GOLD) ซึ่งถูกบริษัท Frasers Property (Thailand) PLC (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ของ FPL ซื้อกิจการในรอบปีบัญชี 2562 ปัจจุบัน FPT ถือหุ้นใน GOLD 95% รายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยของ GOLD คาดว่าจะอยู่ที่ 680-700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2563-2565 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทย จะช่วยรักษาระดับรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ระดับ 1.8-2.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
ภาระหนี้อยู่ในระดับสูง
ทริสเรทติ้ง คาดว่าภาระหนี้ของ FPL จะยังคงอยู่ในระดับสูงในปีบัญชี 2563-2565 จากการที่บริษัทยังต้องใช้เวลาในการเพิ่ม EBITDA จากสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามา ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของ FPL จะอยู่ในระดับ 10.5-12 เท่าในช่วงปีบัญชี 2563-2565 จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2562 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วและรวมภาระผูกพันการเช่าดำเนินงานและตราสารหนี้ที่ไม่กำหนดวันไถ่ถอนมูลค่ารวม 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8.3 เท่าในปีบัญชี 2558 มาอยู่ที่ 13 เท่าในปีบัญชี 2562 ซึ่งอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่สูงในปี 2562 ที่สูงดังกล่าวมีสาเหตุหลักจากการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการของ PGIM ARF และ GOLD และได้มีการรวมงบแสดงฐานะการเงินของทั้ง 2 บริษัทเข้ามาทั้งหมด ขณะที่งบกำไรขาดทุนได้ถูกรวมเข้ามาเมื่อเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปีบัญชี 2562 ซึ่งถ้ามีการคำนวณโดยใช้ข้อมูลงบกำไรขาดทุนของทั้ง PGIM ARF และ GOLD ย้อนหลัง 12 เดือน จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 11.7 เท่าในปีบัญชี 2562
ภาระหนี้ของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ที่อันดับเครดิตเดียวกัน บริษัทมีข้อจำกัดในการลงทุนโดยการก่อหนี้เพิ่มเติม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาสมดุลระหว่างโอกาสในการเติบโต กับการบริหารจัดการด้านเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพเครดิตของบริษัท การขายสินทรัพย์และเพิ่มทุนบางส่วนผ่านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts -- REITs) จะช่วยให้ระดับหนี้ของบริษัทลดลงได้อีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่า 12 เท่าเพื่อรักษาอันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัท
การขายสินทรัพย์ (Asset Recycle) ช่วยรักษาระดับโครงสร้างเงินทุนให้เป็นตามเป้าหมาย
บริษัทมีนโยบายที่จะรักษาระดับหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 0.8-1 เท่า บริษัทมีการบริหารเงินทุนและรักษาระดับโครงสร้างเงินทุนผานการขายสินทรัพย์ที่มีรายได้ที่คงที่เข้าทรัสต์ฯ ที่บริษัทเป็นสปอนเซอร์และมีบริษัทย่อยเป็นผู้บริหารจัดการ (Manager) หรือขายให้กับบุคคลอื่น โดยทรัสต์ฯ 4 แห่ง ประกอบด้วย FCT ซึ่งลงทุนในธุรกิจพื้นที่ศูนย์การค้าให้เช่า Frasers Commercial Trust (FCOT) ซึ่งลงทุนในธุรกิจสำนักงานและพื้นที่ให้เช่า Frasers Logistics & Industrial Trust (FLT) ซึ่งลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ และ Frasers Hospitality Trust Frasers (FHT) ซึ่งลงทุนในโรงแรมและเซอร์วิสเรซสิเดนซ์
การขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะช่วยให้ฐานะทางการเงินของ FPL ปรับตัวดีขึ้น เงินทุนจากการระดมทุนผ่านทรัสต์ฯ จะสนับสนุนโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ในขณะที่เงินที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์บางส่วนจะถูกนำไปใช้ลดหนี้ สำหรับปีบัญชี 2562 นั้น FPL ได้ขายการควบคุม 50% ใน Frasers Tower ให้กับบุคคลที่ 3 มูลค่ารวม 443 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ขายเงินลงทุน 1 ใน 3 ใน Waterway Point ให้ FCT มูลค่ารวม 241 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และสินทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม 13 แห่งมูลค่ารวม 521 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เข้า FLT โดย FCT และ FLT ได้ทำการระดมทุนเพิ่มรวมกันจำนวน 693 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่า FPL จะมีสินทรัพย์ที่สามารถนำมาทยอยขายเข้าทรัสต์ฯ หรือขายให้แก่ผู้อื่นประมาณ 1.3-1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ การที่บริษัทน่าจะมีการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์ฯ อย่างต่อเนื่องทำให้ทริสเรทติ้งมองว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังอยู่ในระดับดี โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อเงินทุนจะอยู่ในระดับ 50% ในระหว่างปีบัญชี 2563-2565
สภาพคล่องที่ยังบริหารจัดการได้
ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ทริสเรทติ้งประเมินว่า FPL จะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 600-700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะมีแผนลงทุนรวมประมาณ 0.8-1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และคาดว่าจะลงทุนในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 1-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยแหล่งที่มาของเงินทุน ได้แก่ เงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณการอย่างน้อย 670 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี รวมทั้งเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ เดือนกันยายน 2562 จำนวน 3.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกบางส่วน ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินทุนบางส่วนจากการเพิ่มทุนผ่านทรัสต์ฯ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าบริษัทมีความสามารถในการระดมทุนในตลาดทุนและจะได้รับการสนับสนุนจาก TCC Group ในกรณีที่มีความจำเป็นอีกด้วยเช่นกัน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
- • บริษัทจะมีรายได้จำนวน 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2563 และ 4.7-5.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีบัญชี 2564-2565
- • บริษัทจะมี EBITDA ปีละ 1.4-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และจะมี FFO ที่ระดับ 670-750 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2563-2565
- • คาดว่าบริษัทจะลงทุนรวมประมาณ 0.8-1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2563-2565
- • เงินลงทุนในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมคาดว่าประมาณ 1-1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีในปีบัญชี 2563-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของ FPL และความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า FPL จะสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอเอาไว้ได้ อีกทั้งจะมีความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินเมื่อขยายธุรกิจ รวมทั้งลดหนี้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวด้านการเงินและเสริมให้คุณภาพเครดิตแข็งแกร่งขึ้น ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตหุ้นกู้ของ FPHT จะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่ออันดับเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ FPL มีการเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับลดอันดับเครดิต อาจเกิดขึ้นได้หาก FPL มีการลงทุนโดยการก่อหนี้เชิงรุกจนทำให้ฐานะการเงินอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ในระดับเกินกว่า 12 เท่าอย่างต่อเนื่อง โอกาสในการเพิ่มอันดับเครดิตของ FPL มีจำกัดในระยะใกล้เมื่อพิจารณาถึงฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ FPL จะปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและโครงสร้างหนี้สินปรับตัวดีขึ้นจนมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ต่ำกว่า 7 เท่าอย่างต่อเนื่องในขณะที่ผลการดำเนินงานไม่ถดถอยลงไปจากระดับปัจจุบัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินรวม 25,000 ล้านบาท:
FPHT213A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
FPHT228A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-
FPHT233A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA-
FPHT24DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA-
FPHT283A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA-
FPHT288A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน