- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Friday, 19 July 2019 15:10
- Hits: 3624
เสนา ฮันคิวยืนหนึ่ง 'รามคำแหง'ปั้นคอนโด'นิช โมโน'ชูจุดแข็งส่วนกลางใหญ่สุด เอาใจสายเฮลตี้แอคทีฟเต็มที่ 24 ชม.
'เสนา ฮันคิว'กางพอร์ตยึดทำเลร้อนแรงติดรถไฟฟ้าสายสีส้มผุดคอนโดฯ 'นิช โมโน รามคำแหง'มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท ชูจุดขายส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 6.5 ไร่ใหญ่ที่สุดในย่านรามคำแหงใช้ชีวิต Active ได้เต็มที่ กับ Sport village 24 ชั่วโมงพิชิตใจคนรุ่นใหม่สายเฮลตี้ด้านไนท์แฟรงค์ ฟันธง“รามคำแหง” ทำเลศักยภาพใหม่แห่งการขยายตัวจากใจกลางเมือง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ภายใต้การร่วมทุนกับ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งนับเป็นโครงการลำดับที่ 6 แล้ว ประกาศชัด เสนา ฮันคิวมุ่งเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกทำเลอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละทำเล
“ล่าสุด เสนากำลังจะเปิดคอนโดมิเนียมใหม่พร้อมให้ชมห้องตัวอย่างโครงการ 'นิช โมโน รามคำแหง'ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง (ระหว่างซอย36 และ36/1)บนพื้นที่ 14ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 2 อาคาร สูง 37 ชั้น และ 33 ชั้น คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร พร้อมอาคารจอดรถสูง 5 ชั้น 1 อาคาร รวมห้องชุดพักอาศัย 1,698 ยูนิต และ 9 ร้านค้า รวมมูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท”ตัวอาคารประกอบด้วย ห้องแบบ 1 ห้องนอน 28 – 31 ตารางเมตร ,ห้องแบบ 1 ห้องนอน พลัส 33.5 – 38 ตารางเมตร และห้องแบบ 2 ห้องนอน 45 – 51 ตารางเมตร ภายในออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสูงสุดด้วยห้องหน้ากว้าง พร้อมเฟอร์นิเจอร์แต่งครบเพิ่มพื้นที่การใช้งานและการพักผ่อนให้มากขึ้นราคาเริ่ม 1.99 - 5.2 ล้านบาทหรือตกตารางเมตรละ 89,000บาท โดยจุดเด่นเรื่องของทำเลโครงการติดกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ) บริเวณสถานีหัวหมาก 0 เมตร ที่สำคัญยังคงนำแนวคิด MADE FROM HER ใส่ใจทุกดีเทลชีวิต จากแนวคิดแบบผู้หญิงมาใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการด้วยรวมถึงแนวคิด GEO fit+จากญี่ปุ่น
นิช โมโน รามคำแหง คอนโดมิเนียมภายใต้แนวคิดการออกแบบพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิต ที่ทุกตารางเมตรออกแบบมาอย่างลงตัวให้คุณได้ทำสิ่งที่ชอบ ในเวลาที่ใช่ใช้ชีวิต Activeเต็มที่กับส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 6.5 ไร่ต่อเนื่องตลอดทั้งโครงการที่ใหญ่ที่สุดในย่านรามคำแหงกับ 24 Hr. Sport Village ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม.ออกแบบภายใต้แนวคิด HEART RATE ZONE FACILITIES พร้อมกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกสไตล์การใช้ชีวิตใช้ชีวิต Fit & Firm ไปกับสระว่ายน้ำ 3 สระ 3 สไตล์ และเพิ่มพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ด้วย Co-Sharing Space พรั่งพร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง ระบบกั้นอัตโนมัติ ลิฟท์แบบล๊อคชั้น และประตูแบบดิจิตอลล็อค เป็นต้น
ด้านคุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าย่านบางกะปิ-รามคำแหงเป็นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ที่มีการขยายตัวของโครงการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัย โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนพื้นที่บริเวณนี้จากการลงทุนพัฒนาในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล กล่าวคือการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สาย อันได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง และบริเวณรามคำแหงยังอยู่ในเส้นทางเดินรถของรถไฟแอร์พอร์ตลิ้งที่สถานีรามคำแหง ซึ่งสามารถทำให้คนที่อยู่อาศัยหรือทำงานในบริเวณนี้สามารถเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวกหรือหากจะเดินทางเข้าเมืองสู่บริเวณมักกะสัน หรือ พญาไท โดยรถไฟแอร์พอร์ตลิ้งอีกด้วย
นอกจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ทางภาคเอกชนเองต่างมองเห็นศักยภาพของที่ดินบริเวณรามคำแหง โดยบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้เตรียมปรับโฉมและรีโนเวตเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 เพื่อรองรับผู้ที่อยู่อาศัยและทำงานบริเวณนี้ โดยเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการศูนย์การค้าด้วยพื้นที่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร โดยเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 88,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2564 บริเวณรามคำแหงในอนาคตยังเป็นแหล่งธุรกิจอีกด้วย ณ ปัจจุบัน มีการพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดเอแบรนด์ เมเจอร์ ทาวเวอร์ โดยใช้ชื่อว่า เมเจอร์ ทาวเวอร์ พระราม 9-รามคำแหง มีพื้นที่เช่าประมาณ 25,000 ตารางเมตร
โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และคอนโดมิเนียมเมทริส พระราม 9 – รามคำแหง โครงการนี้พัฒนาโดยบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะเข้าเมืองหรือออกนอกเมือง ด้วยการเชื่อมต่อหลายเส้นทางหลัก เช่น ถนนพระราม9 รามคำแหง ไปจนถึงเอกมัย ทองหล่อ ที่มีครบทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วน อีกทั้งยังอยู่ใกล้ใกล้มอเตอร์เวย์ ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัช บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลชั้นนำอีกมากมาย พร้อมทั้งยังรายล้อมไปด้วยสถานศึกษาทั้งระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา
ทั้งนี้ จากผลวิจัยของ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่า จำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมบริเวณรามคำแหง ณ กลางปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 14,750 หน่วย โดยคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้มีจำนวนอุปทานใหม่เกิดขึ้นมากตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 อันเนื่องมาจากการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559 ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและเริ่มเปิดขายมากขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ถึงปี พ.ศ. 2562 โดยในปี พ.ศ. 2560 มีอุปทานใหม่คอนโดมิเนียมเปิดขายสูงถึง 3,658 หน่วย ส่วนปี พ.ศ. 2561 มีอุปทานใหม่เปิดขาย 2,661 หน่วย และ ณ ครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2562 มีอุปทานใหม่เปิดขายประมาณ 2,236 หน่วย คาดว่าในปี พ.ศ. 2562 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในบริเวณนี้สูงถึง 6,000 หน่วย ซึ่ง ณ กลางปี 2562 คอนโดมิเนียมบริเวณรามคำแหงมีจำนวนหน่วยขายสะสมสูงถึง 12,370 หน่วย จากจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายทั้งสิ้น 14,750 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 83.9 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเหลือขายประมาณ 2,380 หน่วย จำนวนหน่วยขายคอนโดมิเนียม
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีจำนวนหน่วยขายสูงถึงปีละ 2,500 หน่วย เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีศักยภาพ ส่งผลทำให้มีกลุ่มผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้เพิ่มมากขึ้น ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยต่างชาติที่สนใจและเป็นกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ คือ ชาวจีน และ ชาวสิงคโปร์ ทั้งนี้เนื่องจากคอนโดมิเนียมในบริเวณรามคำแหงยังมีราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมบริเวณถนนรัชดาภิเษกที่มีระดับราคาขายสูงขึ้นถึงตารางเมตรละ 150,000 บาท หากรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วเสร็จการเดินทางจากบริเวณรามคำแหงถึงบริเวณรัชดาภิเษกสามารถทำได้สะดวก โดยเดินทางจากบริเวณรามคำแหงไปยังสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก นอกจากนี้กลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนไทยยังซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเอง และบางส่วนซื้อเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินโดยคาดว่าคอนโดมิเนียมในบริเวณรามคำแหงยังมีระดับราคาที่สามารถปรับตัวขึ้นได้ในอนาคตยิ่งเมื่อระบบรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้วเสร็จย่อมทำให้ราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนระดับราคาขายคอนโดมิเนียมบริเวณรามคำแหงพบว่าราคาขายคอนโดมิเนียมบริเวณนี้มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ กลางปี พ.ศ. 2562 ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเกรดบี มีระดับราคาขายอยู่ที่ 98,323 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี พ.ศ. 2557 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 74,292 บาทต่อตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดมิเนียมจากปี พ.ศ.2557 ถึงกลางปี พ.ศ. 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 5 ปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) อยู่ในอัตราร้อยละ 7.2 ต่อปี โดยราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมระดับเกรดบีมีราคาขายปรับตัวสูงที่สุดในปี พ.ศ. 2560 โดยปรับตัวขึ้นในอัตราร้อยละ 10.5 จากปี พ.ศ. 2559 ส่วนระดับราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมเกรดซี ในบริเวณรามคำแหง ณ กลางปี พ.ศ. 2562 มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 63,705 บาท ต่อตารางเมตร ปรับตัวขึ้นจากปี พ.ศ. 2557 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 53,402 บาท ต่อ ตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดมิเนียมจากปี พ.ศ. 2557 ถึง กลางปี พ.ศ. 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 5 ปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) อยู่ในอัตราร้อยละ 4.3 ต่อปี
Click Donate Support Web