- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Thursday, 07 February 2019 20:32
- Hits: 4211
ไทยพาณิชย์ จัดทัพสร้าง Agile Organization ขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานธุรกิจธนาคารในอนาคต
ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวคณะผู้จัดการใหญ่ นำร่อง First Agile Team ยกเครื่องแนวการทำงานครั้งใหญ่ เร่งกระบวนการ Transformation สู่เป้าหมาย 2020 ภายใต้สี่แกน Customer Centric, Speed, Innovation และ Risk Culture สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมทั้งความรวดเร็วในการปรับตัว การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก รวมถึงยึดมั่นในการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อรองรับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าองค์กรตามยุทธศาสตร์ SCB Transformation เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่ให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นเวลา 3 ปีที่ธนาคารได้ดำเนินการ “ซ่อม เสริม สร้าง” รากฐานองค์กรให้แข็งแกร่ง และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้วยงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถจะไม่ออกดอกออกผลเลย หากธนาคารไม่ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งอนาคต ซึ่งธนาคารต้องมีความรวดเร็วในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ด้วยเหตุนี้ ในปี 2562 ธนาคารไทยพาณิชย์จึงริเริ่มในการนำวัฒนธรรมองค์กรที่เรียกว่า Agile Organization มาใช้เพื่อให้มีความสามารถในการตอบสนองผู้บริโภคในเรื่องของการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ความรวดเร็ว (Speed) นวัตกรรม (Innovation) และวัฒนธรรมความเสี่ยง (Risk Culture) เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน
“คณะผู้จัดการใหญ่ ประกอบด้วย นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ นายอรพงศ์ เทียนเงิน และดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ โดยได้วางบทบาทให้คณะผู้จัดการใหญ่ทำงานร่วมกันในลักษณะ Agile Team เพื่อเป็นตัวอย่างนำร่องและขับเคลื่อนวิธีการทำงานแบบใหม่ในลักษณะ Agile Organization เพื่อต่อยอดให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด ในการตั้งคณะผู้จัดการใหญ่ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มช่วงที่สองของ SCB Transformation เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กลับหัวตีลังกา เพื่อสู่เป้าหมายในการเป็น The Most Admired Bank”
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ตามยุทธศาสตร์กลับหัวตีลังกา ผมตั้งใจผลักดันการเติบโตเพื่อมาทดแทนธุรกิจเดิม (New Normal of Growth) โดยธุรกิจแรกคือ การปล่อยกู้ผ่านช่องทาง digital (Digital Lending) ซึ่งจะต้องผลักดันให้ไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารที่สร้างประสบการณ์การขอสินเชื่อที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกรูปแบบความต้องการ ธุรกิจที่สองที่ต้องการผลักดันอย่างเต็มที่ก็คือ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง หรือ Wealth Management ในไม่ช้าธนาคารจะมีขีดความสามารถในการให้บริการเรื่องการลงทุนในต่างประเทศสำหรับลูกค้ากลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (Ultra-High Networth) ผ่านบริษัทร่วมทุนกับ Julius Baer ส่วนในกลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งทั้งหมดนั้น ผมจะเร่งการพัฒนาความสามารถในการบริหารความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามความต้องการรายบุคคลที่ถูกที่ถูกเวลา เพื่อประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องผสมผสานการใช้ AI / DATA และขีดความสามารถใหม่ๆ ทางเทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวให้เป็น The Most Admired Bank ให้ได้ในที่สุด”
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ในการพัฒนาขีดความสามารถใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิมนั้น ธนาคารให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงสิ่งที่ได้สร้างในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า ผมตั้งใจที่จะผลักดัน 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1. Platform Banking ธนาคารต้องปรับรูปแบบการให้บริการเป็น Platform ให้ได้อย่างแท้จริงเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หรือในธุรกิจของลูกค้าให้ได้ 2. Partnership Banking การทำงานร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และเติบโตไปพร้อมกัน 3. Predictive Banking การนำ Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างถ่องแท้และทันต่อความต้องการ”
นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เน้นว่า “ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการผลักดันภารกิจ SCB Transformation ให้สมบูรณ์นั้น ก็คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่เปลี่ยนวิถีการทำงาน โดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการทำงานให้พนักงานมีความกล้าที่จะเรียนรู้ให้เร็ว (learn faster)กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ และลองผิดลองถูกให้เร็ว (fail faster) แก้ไขและปรับปรุงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการให้ Empowerment ในการตัดสินใจ และมี Risk Culture ซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็วอย่างมาก ดิฉันจะเป็นผู้เร่งกระบวนการภายใน วิธีการทำงาน และการปลูกฝังวิธีคิดที่จะนำธนาคารไปสู่องค์กรแห่ง The New Normal of Customer Excellence ”
นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ ในอนาคตอันใกล้ คู่แข่งของธนาคารจะไม่อยู่ในรูปแบบของธนาคารดั้งเดิมอีกต่อไป แนวทางการทำธุรกิจจากคู่แข่งใหม่ๆ จะมีความยืดหยุ่นสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็ว ใช้เทคโนโลยีระดับสูงมาดำเนินธุรกิจ ผมตั้งใจที่จะโฟกัสยุทธศาสตร์ระยะยาวทางด้านเทคโนโลยี เพื่อให้ไทยพาณิชย์มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ทัดเทียมกับคู่แข่งเหล่านั้น เราจึงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยแนวทางเดียวกับองค์กรเหล่านั้น โดยมีคุณสมบัติหลัก ได้แก่ 1. ต้องรู้จักลูกค้าอย่างละเอียดรอบด้าน โดยใช้ Data ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. ต้อง Super Innovate เพราะในอนาคตเราจะสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วได้จากการมีนวัตกรรมที่ล้ำหน้า 3. ความสามารถในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพ และต้นทุนที่ต่ำ และ 4. ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงจากข้อมูล เพื่อสร้างต้นแบบธนาคารแห่งอนาคตที่จะอยู่รอดได้ท่ามกลางคู่แข่งระดับโลกใหม่ๆที่กำลังจะมาถึง”
นายอาทิตย์ ย้ำว่า “ผมและคณะผู้จัดการใหญ่ มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานขององค์กร และผลักดันให้ธนาคารเติบโตผ่านกระบวนการ SCB Transformation ที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 2020 เพื่อรับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมธนาคาร สร้างให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นองค์กรแห่งอนาคต (The Future Bank) ที่สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน”
SCB maneuvers Agile Organization to lay foundation for becoming ‘The Future Bank’
SCB debuts co-presidents to create first Agile Team in major overhaul to speed up Transformation Project completion by 2020 under four major pillars: customer centric focus, speed, innovation, and risk culture. The revamp aims to create a customer-centric organization that embraces innovations through adaptation, learning, and trial and error, while adhering to appropriate risk culture in the face of future changes.
Bangkok: In the Bank’s latest strategic move, Siam Commercial Bank Chief Executive Officer Mr. Arthid Nanthawithaya revealed that the process of creating corporate value under the SCB Transformation strategy of bringing new digital experiences to customers is progressing well. Now in its third year, SCB is “fixing, modifying, and building” its infrastructure to strengthen it. An investment budget of 40 billion baht aims to strengthen the Bank’s technology capabilities and bring out the potential of its infrastructure to the fullest extent possible. However, this investment might not yield tangible results if the Bank does not adapt its corporate culture to keep pace with future. It is therefore critical that the Bank be quick to respond to changes. Amid such circumstances, in 2019 SCB is adopting a new Agile Organization corporate culture to maximize its capabilities to simultaneously handle customer requirements based on four pillars comprising a Customer-Centric focus, Speed, Innovation, and a Risk Culture.
SCB’s four new presidents are Mr. Sarut Ruttanaporn, Mrs. Apiphan Charoenanusorn, Mr. Orapong Thien-Ngern, and Dr. Arak Sutivong. These four presidents will work together as an Agile Team to pioneer and drive a new working concept through an Agile Organization to deliver the best services. The appointment of the four presidents is part of the second phase of the SCB Transformation to drive the Bank’s “Going Upside Down” strategy, with the ultimate goal of becoming ‘The Most Admired Bank’.
Mr.Sarut Ruttanaporn, President, Siam Commercial Bank, said that, “Based on the Bank’s “Going Upside Down Strategy, I am willing to generate New Normal of Growth in two areas, comprising 1) Digital Lending, which will ensure that SCB will create the best digital lending experience for all customer segments, whether retail, SMEs, or SSMEs; and 2) Wealth Management. SCB possesses strong capabilities in terms of off-shore investment for ultra-high net-worth clients through its joint-venture with Julius Baer. SCB will develop its wealth management capabilities with the right product suites to meet individual requirements and create optimal benefits for our customers. Bearing those goals in mind, we must integrate the use of AI/data with new technological capabilities to make SCB ‘The Most Admired Bank’ in Thailand and the region.”
Dr.Arak Sutivong, President, Siam Commercial Bank, said that, “In developing new capabilities to accommodate unconventional growth, it is important to connect what we have achieved over the past three years. I have established a plan to continue the work and to focus on three major areas: 1. Platform Banking, by adjusting service delivery on a platform that will become a customer’s life or business; 2. Partnership Banking, by working closely with partners in different businesses to deliver the best solutions for customers while growing together; and 3. Predictive Banking, by adopting data to learn and understand customer requirements and deliver them when needed.”
Mrs.Apiphan Charoenanusorn, President, Siam Commercial Bank, noted that, “The most integral element to driving the transformation to full completion lies in the creation of a new corporate culture that prioritizes being customer-centric, while empowering decision making and creating a new risk culture to speed up the process. I will be responsible for accelerating internal operational processes and working methods, while instilling new thinking that will lead the Bank to quickly become a firm offering a ‘New Normal’ in Customer Excellence.”
Mr.Orapong Thien-Ngern, President, Siam Commercial Bank, said that “In the near future, bank competitors will not follow traditional banking models. New competitors will use advanced technology to be flexible and quickly respond to customer requirements using advanced technology. I intend to focus on long-term strategies in technology areas to ensure that SCB will be fully equipped with new capabilities on par with our competitors. It is critical that SCB adjust ourselves in the same direction with major capabilities, such as: 1. Knowing customers thoroughly using data for optimal advantages; 2. Being super innovative to quickly build up growth using innovations; 3. Agility by using technology to maximize efficiency at lower cost; and 4. Risk management capability using databases to create a prototype for a future bank that can survive amid new global competitors.”
Mr Arthid also added that, “We are fully committed to changing traditional working environments and driving the Bank to new growth through our transformation process, which will be fully completed in 2020 in preparation for the stream of changes coming to the banking industry. Our goal is to transform SCB into a ‘Future Bank’ that can compete sustainably.”
