- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Wednesday, 18 July 2018 16:11
- Hits: 2861
ดิ แอสเพน ทรี ร่วมกับ Baycrest (เบย์เครสต์) จากประเทศแคนาดา
ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมเพื่อการดูแลและการบริการผู้สูงอายุแบบครบวงจรนางโดมิกา พอตตี (ตรงกลาง) เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการดูแลและการบริการผู้สูงอายุแบบครบวงจร ระหว่างโครงการดิ แอสเพน ทรีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการและที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุและ Baycrest (เบย์เครสต์) ศูนย์วิจัยด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากประเทศแคนาดา โดยมีมิสเฮ จูน พาร์ค (ที่ 1 จากขวา) ประธานผู้อำนวยการบริษัทดิ แอสเพน ทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลงนามร่วมกับดร. วิลเลี่ยม ไรช์แมน (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานผู้อำนวยการ Baycrest Health Sciences ทั้งนี้คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC บริษัทแม่ของโครงการดิ แอสเพน ทรี และมร. เรย์มอนด์ คิง (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการงานพัฒนาธุรกิจ Baycrest Global Solutions (เบย์เครสต์ โกลบอล โซลูชั่น) ร่วมพิธีด้วย ณ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ชั้น 4 แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด
ดิ แอสเพน ทรี ร่วมกับ Baycrest จากประเทศแคนาดา
เพื่อพัฒนา นวัตกรรมการดูแลและการบริการแบบครบวงจรสำหรับผู้สูงอายุ
- ดิ แอสเพน ทรี ผู้ดำเนินธรุกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักอาศัย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ Baycrest Health Sciences ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุและเป็นศูนย์วิจัยด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
- วัตถุประสงค์ในความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมด้านการดูแลผู้สูงอายุและเพื่อออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ดิ แอสเพน ทรี และ Baycrest คาดหวังการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมผู้สูงอายุ หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘เกรย์ สึนามิ’ ในประเทศไทย
ดิ แอสเพน ทรี ผู้ดำเนินธรุกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักอาศัย และ Baycrest Health Sciences ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุและเป็นศูนย์วิจัยด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากประเทศแคนาดา ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันหรือ MOU ในการพัฒนาด้านการดูแลและสร้างสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ณ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนหรือ RISC ชั้น 4 อาคารแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด
การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้ ได้รับการลงนามโดย มิสเฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดิแอสเพน ทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ ดร. วิลเลี่ยม อี ไรช์แมน ประธานผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Baycrest ในฐานะตัวแทนจาก Baycrest Global Solutions Inc. ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของ เบย์เครสต์ Baycrest ในต่างประเทศ
มิสเฮ จูน พาร์ค กล่าวว่าความร่วมมือในครั้งนี้เกิดจากพื้นฐานความห่วงใยที่มีต่อความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน โดยความห่วงใยนี้มาจากแนวคิด ‘For all well – being’ ซึ่งเป็นหลักการทำงานของบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของดิ แอสเพน ทรี
ความร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวมความเป็นเลิศด้านสุขภาพ ของ Baycrest Healthcare (เบย์เครสต์ เฮลท์แคร์) กับ ดิ แอสเพน ทรี ผู้เชี่ยวชาญด้านที่อยู่อาศัย และ บริการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตและนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในโลกให้กับผู้สูงอายุ
“Baycrest และ ดิ แอสเพน ทรี จะร่วมกันทุ่มเทหาวิธีการดูแลผู้สูงอายุตลอดช่วงอายุ (Lifetime care) ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนสร้างความเจริญในผู้สูงอายุผ่านการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน ด้านการดูแล การให้บริการ และการออกแบบที่อยู่อาศัย รวมถึงการจัดการอย่างมืออาชีพ” มิสเฮ จูน พาร์ค กล่าว
“ทั้งสององค์กรต้องการผลักดันให้เกิด ‘aging–in–place’ หรือ “การดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร โดยที่ผู้สูงอายุสามารถอยู่อาศัยในบ้านของตนเองได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ” รวมถึงเป็นสถานที่ที่ช่วยรักษาสุขภาพกายและดูแลสุขภาพสภาวะสมองของผู้สูงอายุให้มีชีวิตชีวา มีความสุขกับตัวตนที่แท้จริง เคารพตัวเอง อิ่มเอมกับธรรมชาติและ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและสังคมโดยรวม”
ภายใต้บันทึกข้อตกลงร่วมกันนี้ Baycrest จะช่วยให้คำปรึกษากับ ดิ แอสเพน ทรี พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่สำหรับผู้สูงอายุโดยผสมผสานโปรแกรมสุขภาพของ Baycrest สำนักงานโตรอนโต ซึ่งดำเนินงานมานานกว่า 100 ปี
ดร. ไรช์แมน กล่าวว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่ประสบปัญหาจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุเป็นอันดับสามของทวีปเอเชีย โดยในปีพ.ศ. 2583 หนึ่งในสี่ของคนไทยจะมีอายุที่ 65 ปีหรือมากกว่า
“ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ กำลังประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ หรือ ‘เกรย์ สินามิ’ Baycrest ซึ่งเป็นผู้นำด้านอายุรเวชและสภาวะสมอง จึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก” ดร. ไรช์แมน กล่าว
“เป็นความต้องการส่วนหนึ่งและเป็นส่วนสำคัญต่อวิสัยทัศน์ของเรา ในการสร้างโลกที่ผู้สูงอายุทุกคนจะสนุกสนานกับชีวิต มีแรงบันดาลใจและบรรลุเป้าหมายในชีวิต”
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC บริษัทแม่ของดิ แอสเพน ทรี ให้คำจำกัดความของการร่วมมือครั้งนี้ว่า “การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ” ท่ามกลางการขยับตัวของจำนวนประชากรในเอเชีย
“การเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Baycrest ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ MQDC ในการรับมือกับสถานการณ์ของประเทศไทยและทั่วโลกเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับความต้องการของประชากรผู้สูงอายุ ซึ่ง Baycrest มาเติมเต็มวิสัยทัศน์ของ MQDC ด้วยประสบการณ์กว่า 1 ศตวรรษในการดูแลรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานและไปได้ไกลกว่าองค์กรทั่วไป” คุณวิสิษฐ์ กล่าวเสริม
เกี่ยวกับผู้สูงอายุในประเทศไทย
ประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์อย่างรวดเร็ว โดยมีนัยยะสำคัญเกี่ยวข้องกับสังคมทุกด้าน ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าในปี 2583 มากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรในประเทศไทยจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11 ในปี พ.ศ. 2559 และร้อยละ 5 ในปี 2538
อัตราการเจริญพันธ์ที่ลดลงจาก 6.1 ในปีพ.ศ. 2508 เป็น 1.5 ในปีพ.ศ. 2528 ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาแห่งแรกที่กลายเป็น ‘สังคมผู้สูงอายุ’
แต่การเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะสร้างโอกาสตลอดจนความท้าทาย โดยธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์จะทำให้ประเทศไทยเป็น “ผู้ให้บริการแก่ผู้สูงอายุที่กำลังเติบโตในภูมิภาคนี้”
ด้วยบริบทนี้ ดิ แอสเพน ทรี และ Baycrest จึงมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันความเชี่ยวชาญเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในประเทศไทยและทำหน้าที่เป็นผู้นำด้านแนวคิดและเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ
เกี่ยวกับดิ แอสเพน ทรี
ดิ แอสเพน ทรี ผู้ดำเนินธรุกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักอาศัย และสร้างสังคมสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย และอุทิศตนเพื่อให้เกิดแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในโลก
ก่อตั้งโดยบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ดิ แอสเพน ทรี มีความมุ่งมั่นในการสร้าง ‘การดูแลตลอดช่วงอายุ’ และ ‘Aging in place’ หรือ “การดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร โดยที่ผู้สูงอายุสามารถอยู่อาศัยในบ้านของตนเองได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ”
ด้วยความร่วมมือกับองค์กรระดับโลก ทำให้การบริการของ ดิ แอสเพน ทรี รวมผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่าง ๆ พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสูงสุดพร้อมกับการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด
ดิ แอสเพน ทรี ตั้งอยู่ที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาด 300 ไร่ บริเวณ ถนนบางนาตราด กรุงเทพฯ ที่ซึ่งผู้อยู่อาศัยจะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่กว้างขวาง และแวดล้อมด้วยสถานที่พักผ่อนใจ สถานที่ทำงาน ร้านค้าปลีก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ภายใต้แนวคิด ‘For all well-being’ของ MQDC ทำให้ดิ แอสเพน ทรี ใส่ใจในความเป็นอยู่ที่ดีของคนและทุกสรรพสิ่งบนโลก
ดิ แอสเพน ทรี ยังดำเนินงานตามหลักการ ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’อีกด้วย โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกด้านจิตวิทยาและงานวิจัยอื่นๆ เพื่อประยุกต์ให้กับกับความต้องการทางสังคมผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เกี่ยวกับ Baycrest Health Sciences
Baycrest Health Sciences คือผู้นำระดับโลกสำหรับผู้สูงอายุในด้านการที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ การวิจัย นวัตกรรมและการศึกษา โดยเน้นทางด้านสุขภาพสมองและผู้สูงอายุ
ในฐานะที่เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยโตรอนโต Baycrest ได้มอบประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุและโครงการฝึกอบรมทางแพทย์คลินิกอย่างมากมายสำหรับนักเรียนและสถาบันวิจัยชั้นนำของโลกด้านประสาทวิทยา
ด้วยการเป็นที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจและการค้า Baycrest จึงมีความรู้ ความชำนาญด้านการศึกษาและนวัตกรรม ใหม่ ๆ ให้แก่องค์กรด้านการดูแลสุขภาพ และสถานรับดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ทั้งในแคนาดาและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
Baycrest ก่อตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2461 ในฐานะบ้านพักคนชราของชาวยิว ซึ่งปัจจุบันยังคงยึดถือประเพณีอันยาวนานของสถาบันทางการแพทย์ชั้นเยี่ยมของชาวยิวเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในชุมชนท้องถิ่นและทั่วโลก
เกี่ยวกับ Baycrest Global Solutions
ด้วยความเกี่ยวข้องเชิงกลยุทธ์กับ Baycrest Health Sciences ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพชั้นนำของโลกในด้านอายุรเวชและสภาวะสมอง Baycrest Global Solutions Inc. จึงมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ให้บริการด้านสุขภาพโดยจัดโปรแกรมการบำบัดรักษา การศึกษาและเทคโนโลยีอย่างดีที่สุด