- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Sunday, 25 March 2018 13:08
- Hits: 7473
5 หลักการซื้อที่ดินให้เกิดประโยชน์ในอนาคตสูงสุด
เพราะที่ดินที่ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพนั้น นับวันมีแต่จะราคาสูงขึ้นไปทุกขณะ อีกทั้งที่ดินแปลงสวยๆ นั้นยังเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินมีค่าที่สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านขาย การทำคอนโดมิเนียม หรือแม้แต่การปล่อยเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตรต่างๆ และการทำโกดังให้เช่า
ดังนั้น หากใครได้ครอบครองที่ดินอยู่แล้วก็ถือได้ว่ามีทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีค่าอยู่ในมือที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มหันมาจับธุรกิจอสังหาฯ อาจจะกำลังสงสัยว่า จะมีวิธีการเลือกซื้อที่ดิน อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในอนาคต ลองมาดู 5 หลักการเบื้องต้นก่อนจะควักกระเป๋าจ่ายกันเลยดีกว่า
ทำเลไม่ไกลความเจริญ มีแนวโน้มเติบโต ความสำคัญอันดับแรกๆ ในการเลือกซื้อที่ดินคือ การไปลงพื้นที่สำรวจที่ดินผืนนั้นด้วยตัวคุณเอง เพื่อที่จะได้เห็นสภาพแวดล้อมของจริง เพราะการเลือกซื้อที่ดินผ่านทางเพียงรูปถ่ายหรือแผนผังของโครงการที่ตัวแทนขายนำเสนอนั้นไม่อาจสร้างความเชื่อถือได้ 100% และเมื่อถึงคราวที่ตกลงเซ็นสัญญาไปแล้ว แต่พอไปดูที่ดินจริงกลับได้ที่ดินแปลงที่มีปัญหาขึ้นมา คราวนี้พอจะเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือยกเลิกข้อตกลงก็สามารถทำได้ยาก
นอกจากนี้ เรื่องของทำเลที่ตั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตเพราะถ้าหากเลือกที่ดินที่มีแนวโน้มการขยับขยายสูง ความเจริญที่เริ่มมีมากขึ้นก็จะสามารถนำที่ดินผืนนั้นไปต่อยอดในการสร้างอสังหาฯเพื่อการขายหรือปล่อยเช่าอีกด้วย
มีทางเข้า-ออก เดินทางได้สะดวก
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าที่ดินผืนนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่คือ การเดินทางที่สะดวกและทางเข้าออกในบริเวณรอบๆ หรือใกล้เคียงมีความกว้างเพียงพอต่อการสัญจรไปมา
เพราะหากที่ดินในบริเวณนั้น ยังเป็นทางที่เดินทางลำบาก แนวโน้มการพัฒนาในบริเวณนั้นอาจล่าช้าและอาจจะไม่ตอบโจทย์หากต้องการซื้อที่ดินไว้เก็งกำไรหรือเพื่อการทำธุรกิจอื่นๆ ดังนั้นนี่คืออีกหนึ่งข้อสำคัญที่ต้องใช้การพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนโต
นอกเหนือจากนี้ยังรวมไปถึงการเดินทางเข้าไปในที่ดินแปลงนั้นมีการคมนาคมที่สะดวกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ โครงการรถไฟฟ้าต่างๆ รวมไปถึงทางพิเศษเพื่อที่จะช่วยยกระดับการสัญจรไปมาในชีวิตประจำวันให้เป็นไปอย่างสะดวกนั่นเอง
บรรยากาศโดยรอบไม่แออัด หนาแน่น
ถึงแม้ว่า ที่ดินแปลงนั้นจะดูดีขนาดไหน แต่ถ้าต้องอยู่ท่ามกลางชุมชนแออัดหรือใกล้กับแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นสาเหตุของมลพิษและฝุ่นควัน ก็อาจจะไม่เหมาะสมหากในอนาคตนั้นจะต่อยอดที่ดินผืนนั้นให้เป็นที่อยู่อาศัย ดังนั้น การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็สำคัญมากอีกเช่นเดียวกัน
ในเบื้องต้นสิ่งที่ต้องตรวจสอบมีตั้งแต่เรื่องของแหล่งน้ำเน่าเสีย ประวัติที่ดินทรุดตัว ปัญหาน้ำท่วม เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกเวนคืนหรือไม่ ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาทีหลังเมื่อตกลงเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว
ที่ดินอยู่ไม่ห่างไกลจากเสาไฟฟ้าและแนวน้ำประปา
หนึ่งใน 5 ปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อที่ดินคือการตรวจสอบระบบสาธารณูปโภคทั้งเรื่องของไฟฟ้าและน้ำประปาที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตโดยสิ่งที่ต้องเช็คคือในบริเวณนั้นมีการตั้งเสาไฟฟ้าที่ดูปลอดภัย หรือไม่ มีแนวน้ำประปาที่จะสามารถใช้ดำรงชีวิตได้ไม่ใช่น้ำบาดาลหรือน้ำสกปรก เพื่อที่เวลาถึงการใช้งานจริงจะได้ไม่มีปัญหาติดขัด หรือหากเป็นที่ดินริมแม่น้ำและริมทะเลก็ควรที่จะต้องตรวจสอบระดับน้ำขึ้นลงว่ามีช่วงเวลาใดบ้าง ที่ดินบริเวณนั้นมีความสูงมากพอที่จะไม่เกิดปัญหาเรื่องของอุทกภัยในอนาคตหรือเปล่า
สถานที่สำคัญที่อำนวยความสะดวกแก่การใช้ชีวิต
นอกจากเรื่องของการเดินทางแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยหลักแสนสำคัญที่ก่อนการซื้อที่ดินคือเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอื่นๆ เช่นอาจจะเป็นเรื่องของสถานที่สำคัญที่มีผลต่อชีวิตประจำวัน อาทิ ซุปเปอร์มาร์มาเก็ต โรงพยาบาล สถานศึกษา แหล่งธุรกิจต่างๆ ที่อยู่ใกล้ เพื่อที่จะเรียกได้อย่างเต็มปากว่าที่ดินที่เราจะซื้อนั้นเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพที่มีสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ครบวงจรอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี ก่อนการตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อที่ดินนั้น สิ่งสำคัญคืออย่าลืมเปรียบเทียบดูที่ดินจากหลายๆ ที่เพื่อมองหาข้อดี-ข้อเสีย และเมื่อตกลงปลงใจซื้อแล้วผู้ซื้อจะต้องตรวจสอบทั้งที่ดินและโฉนดที่ดินให้รอบครอบอีกครั้ง เพื่อการซื้อที่ดินเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ใช้สอยทั้งการอยู่อาศัย และทางธุรกิจได้จริงในอนาคต