- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 06 February 2018 20:48
- Hits: 878
MK มั่นคงเคหะการ มั่นใจคอนโดกลุ่มลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ยังมีกำลังซื้อสูง ปลื้มกระแสตอบรับ ‘พาร์ค คอร์ท’ คาดปิดการขายพร้อมปล่อยเช่าปี 62
บมจ.มั่นคงเคหะการ ปลื้มกระแสตอบรับ พาร์ค คอร์ท (Park Court) โครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ให้เช่าระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์บนสุขุมวิท มูลค่า 3,000 ล้านบาท หลังกวาดยอดขายและปล่อยเช่าได้กว่า 30% ดึง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็น Sole Agent คาดปิดการขายพร้อมปล่อยเช่าเต็ม 100% ภายในปี 62
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จากัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดขายและปล่อยเช่าโครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ‘พาร์ค คอร์ท (Park Court)’ สุขุมวิท 77 โครงการที่ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเพียงไม่นานก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเปิดขายจำนวน 2 อาคาร มียอดขายแล้ว 6 ยูนิตหรือคิดเป็น 20% จาก 28 ยูนิต ในส่วนของอาคารที่เปิดให้เช่าจำนวน 3 อาคาร รวม 42 ยูนิต สามารถปล่อยเช่าไปได้แล้ว 12 ยูนิต หรือกว่า 30% จากการวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้โครงการพาร์คคอร์ท สุขุมวิท 77 นี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดี พบว่า ความคุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยราคาขายเฉลี่ย 160,000 บาทต่อตารางเมตร และราคาปล่อยเช่าประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ในพื้นที่ใช้สอยกว่า 300 ตารางเมตร บนทำเลศักยภาพ ท่ามกลางความสะดวกสบายในสังคมคุณภาพที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งหาได้ยากในย่านดังกล่าว ณ ปัจจุบัน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ลูกค้าใช้เปรียบเทียบและตัดสินใจ
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กล่าว “บริษัทฯ ตั้งใจพัฒนา ‘พาร์ค คอร์ท’ ให้เป็นคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ห้องเก็บของส่วนตัว (Extra Storage) ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้กับลูกบ้านทุกยูนิต , พื้นที่จอดรถมากถึง 208% , พื้นที่สวนส่วนกลางและสนามเด็กเล่น เป็นต้น ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ในราคาที่คุ้มค่า”
ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ‘พาร์ค คอร์ท (Park Court)’ สุขุมวิท 77 พัฒนาขึ้นบนเนื้อที่กว่า 7.8 ไร่ รวม 5 อาคาร สูง 7 ชั้น โดย 3 อาคารถูกพัฒนาขึ้นเป็นอพาร์ทเมนต์รวม 42 ยูนิต และอีก 2 อาคารถูกพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมรวม 28 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยแบ่งออกเป็น 3 TYPE ได้แก่ TYPE A พื้นที่ใช้สอย 287 ตารางเมตร , TYPE B พื้นที่ใช้สอย 282 ตารางเมตร และ TYPE C พื้นที่ใช้สอย 285 ตาราง เมตร กับฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน และ 1 ห้องอเนกประสงค์ (multipurpose) ซึ่งออกแบบมาให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการของผู้อยู่อาศัย ตัวโครงการกลางถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างสมดุลระหว่างพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางภายในและบรรยากาศร่มรื่น ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อม
“บมจ.มั่นคงเคหะการ เชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ยังเป็นที่ต้องการของตลาด แม้จะมีการแข่งขันสูงก็ตาม แต่บริษัทฯ มั่นใจว่าความโดดเด่นในเรื่องพื้นที่ใช้สอยและความคุ้มค่า จะเป็นปัจจัยที่ทำให้'พาร์ค คอร์ท'เป็นหนึ่งในตัวเลือกของลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัย ในย่านใจกลางสุขุมวิท ที่ครบครัน ในคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพสูง คือมีโรงเรียนนานาชาติบางกอกพรีแพราธอรี แอนด์ เซ็กเคินดารี (Bangkok International Preparatory and Secondary School) ระดับมัธยม, ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ ฮาบิโตะ (Habito Mall), พื้นที่สร้างสรรค์งานแนวคิดใหม่ที่ใหญ่และครบครันที่สุดในเอเชียอาคเนย์ HUBBA-TO Coworking Space, ความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อได้ทุกจุดทั้งในและนอกเมือง, ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย และสาธารณูปโภคที่ครบครัน ประกอบกับ บริษัทฯ ยังได้มืออาชีพอย่าง บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จากัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่มีฐานลูกค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ มาดูแลด้านการขายในแบบ Sole agent และยังได้ บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ มาดูแลเรื่องการบริหารจัดการโครงการอีกด้วย ยิ่งทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดดังกล่าวได้”นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กล่าวเสริม
ด้านมุมมองของ บมจ.มั่นคงเคหะการ ต่อภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์นั้น นางสาวดุษฎี กล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า โดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์มากขึ้น เพราะยังมีกำลังซื้ออยู่มากทั้งกลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยจริงและกลุ่มนักลงทุน โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในแบบมิกซ์ยูส (Mixed-use) ที่เป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมตลาดบนควบคู่ไปกับอาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่ละโครงการจะสร้างจุดขายที่แตกต่างในเรื่องของรูปแบบโครงการ เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย และนวัตกรรมในการก่อสร้าง ทำเลหลักจะยังคงเป็นสุขุมวิท สาทร และริมแม่น้าเจ้าพระยา ทั้งนี้ ในด้านราคาเชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะที่ดินที่จะนามาพัฒนาโครงการใหม่มีน้อยลงมาก การตัดสินใจซื้อในปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดปีหนึ่งของผู้ที่กาลังมองหาคอนโดมิเนียมระดับบน