- Details
- Category: ยานยนต์
- Published: Friday, 01 August 2014 09:35
- Hits: 3807
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง เริ่มเปิดสายการประกอบบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ได้เริ่มการประกอบ ณ โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยที่จังหวัดระยอง นับเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นที่สองที่ได้รับการประกอบในไทย
กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยจัดพิธี เปิดสายการประกอบมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ เอ็นดูโร่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์อเนกประสงค์สายพันธุ์สปอร์ต ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง โดยบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS เข้ามาเสริมทัพบีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ซึ่งทั้งสองรุ่นได้รับการประกอบภายในประเทศ ณ โรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปที่สามารถผลิตยนตรกรรมหรูทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
“การขยายสายการประกอบของเราถือเป็นความสำเร็จล่าสุดของแผนงานกลยุทธ์ด้านการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด” มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าว
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงหกเดือนแรกของปี พ.ศ. 2557 ด้วยยอดขายมอเตอร์ไซค์และแม็กซี่-สกู๊ตเตอร์ทั่วโลกที่ 70,978 คัน (ยอดขายที่ 64,941 คัน ในปีก่อนหน้า) ด้วยอัตราการเติบโตทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ในช่วงครึ่งปีแรกเป็นจำนวนมากกว่ายอดส่งมอบทั้งหมดของปี พ.ศ. 2554 แม้จะมีสถานการณ์ ไม่ปกติในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาก็ตาม โดยส่งมอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในรุ่นต่างๆ ทั้งหมด 218 คัน ให้แก่เจ้าของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ
“ปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่บีเอ็มดับเบิลยูฉลองสถิติแห่งความสำเร็จครั้งใหม่ โดยบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS รุ่นประกอบในประเทศจะชูความสำเร็จที่โดดเด่นของเราในปีนี้อย่างต่อเนื่องและตอบสนองความต้องการของตลาดมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ที่แข็งแกร่ง และตอกย้ำการเติบโตและตำแหน่งผู้นำตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูทั้งในไทยและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ การขยายสายการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ในประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์เอ็นดูโร่สายพันธุ์สปอร์ต อย่างแท้จริงได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านการตลาดของเราในระยะยาวอีกด้วย” มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวสรุป
มร.เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวถึงการขยายศักยภาพการผลิตครั้งล่าสุดของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง ว่า “โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะโรงงานที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการประกอบรถยนต์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมงานคนไทยที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและความสามารถ ผมและพนักงานทุกคนจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นสายการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS ในบ้านของพวกเราที่จังหวัดระยอง สิ่งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราต่อประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยนตรกรรมในเอเชีย แต่รวมถึงความเชื่อมั่นของเราต่อตลาดบิ๊กไบค์ในภูมิภาคเอเชียว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากกระแสตอบรับที่ประสบความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู F 800 R ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นแรกที่เริ่มการประกอบในไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา”
ด้วยประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 30 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล GS ได้ปรากฏในพิธีเปิดการขยายสายการประกอบครั้งนี้ พร้อมด้วยการเข้าร่วมของ มร.เควิน แซนเดอร์ส เจ้าของสถิติกินเนส ระดับโลกสองสมัยและพันธมิตรของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และทีมโกลบบัสเตอร์ส (GlobeBusters) ซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เดินทางข้ามทวีปจากกรุงลอนดอนมายังกรุงเทพมหานคร
โดยสมาชิกชาวไทยของทีม คุณปฏิมา กองเพชรและคุณปรวีร์ ปานดำรงสถิต ได้ร่วมเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่น GS ของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นระยะทางกว่า 20,800 กม. ข้ามผ่านยุโรปตะวันตกมายังกรุงอิสตันบูล ตามรอยเส้นทางสายไหมผ่านจอร์เจีย อาเซอร์ไบจาน, เติร์กเมนิสถาน, อุซเบกิสถาน, คาซัคสถาน มายังมณฑลซีอาน ประเทศจีน (เมืองที่เป็นจุดหมายโบราณของเส้นทางสายไหม) และเดินทางอย่างยาวนานด้วยเส้นทางม้าชา (Tea Horse Road) ไปยังประเทศลาว ผ่านดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ณ พรหมแดนไทย-พม่าและเผชิญเส้นทาง “1,864 โค้ง” จนมาถึงยังจุดหมาย ณ กรุงเทพมหานคร สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS แล้ว การเดินทางบนท้องถนนและนอกเส้นทางแบบออฟโรดได้ผสมผสานกันอย่างลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จ.ระยอง โดดเด่นด้วยศักยภาพและประสิทธิภาพที่มีความหลากหลาย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เริ่มเดินสายการประกอบเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยตั้งอยู่ ณ ชายฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ (จังหวัดระยอง) ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 115 กม. และมีพื้นที่โรงงานทั้งหมด 75,000 ตารางเมตร
ในปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ทางโรงงานมีสถิติการประกอบรถยนต์ถึง 8,800 คัน โดยในปัจจุบันสามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรี่แมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R และล่าสุดรองรับการประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น F 800 GS เพิ่มเติมอีกด้วย
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการในปี พ.ศ. 2543 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ใช้งบประมาณในการลงทุนสำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง จ.ระยอง รวมกว่า 60 ล้านยูโรหรือมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านบาท
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ โดยมีเครือข่ายการผลิต 29 แห่งใน 14 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมีพนักงานทั้งหมด 110,351 คน
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น ในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269 www.bmw.co.th www.mini.co.th
สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
เด่นวุฒิ โฮมส์ (081-1143-1892 or 0-2627-3501 ต่อ 224)
กัญญาวีร์ นราสุวรรณ (08-6903-2392 or 0-2627-3501 ext. 209)