- Details
- Category: ยานยนต์
- Published: Friday, 09 May 2014 13:27
- Hits: 4075
ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ เดือน มี.ค. 57 อยู่ที่ 1.13 แสนคัน เพิ่มขึ้น 8.77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงสุดรอบ 6 เดือน คงเป้ายอดผลิตทั้งปีนี้ ที่ 2.4 ล้านคัน
ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ เดือน มี.ค. 57 อยู่ที่ 1.13 แสนคัน เพิ่มขึ้น 8.77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงสุดรอบ 6 เดือน ส่วนยอดขาย-ยอดผลิตลดลง เหตุไร้โครงการรถคันแรก ลั่น ยังคงเป้ายอดผลิตรถยนต์ปีนี้ อยู่ที่ 2.4 ล้านคัน ระบุ ขอรอดูแนวโน้ม ศก.อีก 2-3 เดือน
นายองอาจ พงศ์กิจวรสิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนมีนาคม 2557 ว่า ยอดการส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค. 2557 ส่งออกได้ 113,313 คัน เพิ่มขึ้น 8.77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเดือนที่สามารถส่งออกได้เกิน 1 แสนคันและสูงสุดในรอบ 6 เดือน ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนมี.ค.2557 มีจำนวนทั้งสิน 83,983 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 46.7% เนื่องจากในปีนี้ไม่มีโครงการรถยนต์คันแรก แต่อย่างไรก็ตามเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2557 อยู่ที่ 17.16% ยอดขายปรับตัวดีขึ้นจากยอดสั่งจองรถยนต์ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนมี.ค. 2557 ทั้งสิ้น 181,334 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 29.24% เนื่องจากในปีนี้ไม่ต้องผลิตรถยนต์ในโครงการรถคันแรกแล้ว โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค.- มี.ค. 2557 มีทั้งสิ้น 517,492 คัน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 28.28%
ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค. 57 การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูป ส่งออกได้ 113,313 คัน เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ส่งออกได้เกินหนึ่งแสนคัน สูงสุดในรอบหกเดือน (ในปี 2556 ส่งออกเกินหนึ่งแสนคัน 3 เดือน คือ เดือนมีนาคม 104,178 คัน เดือนสิงหาคม 104,215 คัน และเดือนกันยายน 118,253 คัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 8.77 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ร้อยละ 16.61 โดยมีมูลค่าการส่งออก 52,843.89 ล้านบาท
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,982.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 20.78ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 20,499.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 18.93อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,000.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 24.71
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมีนาคม 2557 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 78,325.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 18.11
ขณะที่เดือนมกราคม - มีนาคม 2557 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 291,509 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 1.25 มีมูลค่าการส่งออก 136,336.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 7.43
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 7,984.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 12.97ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 52,303.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม- มีนาคม 2556 ร้อยละ 16.08อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 5,148.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม- มีนาคม 2556 ร้อยละ 23.61
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม- มีนาคม 2557 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 201,773.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 10.14
ด้านการผลิต จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2557 มีทั้งสิ้น 181,334 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 29.24 เนื่องจากปีนี้ไม่ต้องผลิตรถยนต์ในโครงการรถคันแรกแล้ว แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ร้อยละ 4.51 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - มีนาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 517,492 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 28.28รถยนต์นั่ง เดือนมีนาคม 2557 ผลิตได้ 70,097 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 40.34ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่ เดือนมกราคม - มีนาคม 2557 มีจำนวน 205,041 คัน เท่ากับร้อยละ 39.62 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 37.08
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนมีนาคม 2557 ผลิตได้ 45 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 40 รวมเดือนมกราคม - มีนาคม 2557 ผลิตได้ 149 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 38.68
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก เดือนมีนาคม 2557 ผลิตได้ 102,719 คัน เท่ากับร้อยละ 56.65 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 7.16 ส่วนเดือนมกราคม - มีนาคม 2557 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 287,795 คัน เท่ากับร้อยละ 55.61 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 0.63
รถยนต์นั่ง เดือนมีนาคม 2557 ผลิตเพื่อการส่งออก 34,816 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 15.74 ยอดผลิตส่งออกของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2557 จำนวน 100,557 คัน เท่ากับร้อยละ 49.04 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 3.82
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนมีนาคม 2557 ผลิตได้ 78,615 คัน เท่ากับร้อยละ 43.35 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 50.99 และเดือนมกราคม - มีนาคม 2557 ผลิตได้ 229,697 คัน เท่ากับร้อยละ 44.39 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 47.26 เนื่องจากไม่ต้องผลิตรถยนต์ในโครงการรถคันแรกแล้วรถยนต์นั่ง เดือนมีนาคม 2557 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 35,281 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 59.64 ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2557 ผลิตได้ 104,484 คัน เท่ากับร้อยละ 50.96 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 แล้ว ลดลงร้อยละ 54.38
สำหรับ ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมีนาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 83,983 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 46.7 เนื่องจากปีนี้ไม่มีโครงการรถคันแรกแล้ว แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ร้อยละ 17.16 ยอดขายปรับตัวดีขึ้นจากยอดสั่งจองรถยนต์ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ที่ผ่านมา
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 156,029 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2556 ร้อยละ 18.34 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ร้อยละ 3.91ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2557 รถยนต์มียอดขาย 224,171 คัน ลดลงจากปี 2556 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 45.8 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 431,795 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ร้อยละ 21.35
นายองอาจ เปิดเผยต่อว่า ส.อ.ท.ยังคงเป้ายอดผลิตรถยนต์ปี 2557 อยู่ที่ 2.4 ล้านคัน โดยมีจำนวนผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน และผลิตเพื่อใช้ในประเทศอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม จะต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจภายใน 2-3 เดือนข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร โดยปกติแล้วยอดผลิตรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังจะมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก
"ยังคงไม่ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ โดยจะต้องขอรอดูความชัดเจนของเศรษฐกิจก่อน ซึ่งโดยปกติที่ผ่านมาครึ่งปีหลังจะมีการผลิตมากกว่าครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายอดผลิตครึ่งปีแรกอาจจะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 30% แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาได้"นายองอาจ กล่าว
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ แล้วนั้น ก็จะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้ ขณะเดียวกันประเทศไทยจะต้องพยายามผลักดันให้เกิดการลงทุนในโครงการที่ค้างอยู่ให้เกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย