WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FTIสรพงษ ไพสฐพฒนพงษส.อ.ท.ยันปีนี้ไทยผลิตรถอย่างต่ำ 2 ล้านคันแน่,ไร้เหตุการณ์ลดพนักงาน

     นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ส.อ.ท.เตรียมปรับเป้าหมายยอดการผลิตรถยนต์ในปีนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของการผลิตเพื่อส่งออก หลังแนวโน้มการส่งออกช่วง 4 เดือนแรกเติบโตมากกว่าที่คาด แต่อาจจะปรับลดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลง เนื่องจากยอดขายอยู่ระดับต่ำ

    อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ายอดรวมการผลิตรถยนต์ของไทยในปีนี้จะทำได้อย่างน้อย 2 ล้านคันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะขยายตัวได้มากขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกรถยนต์ยังคงเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดรถอีโคคาร์ ทำให้ไม่เห็นโอกาสที่อุตสาหกรรมรถยนต์และค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะปรับลดพนักงานหรือลดการทำงานนอกเวลา(โอที)ในปีนี้

     "การส่งออกรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้เติบโตกว่า 13% เป็นระดับที่น่าพอใจ ซึ่งจะทำให้การผลิตของเราโตกว่าปีที่แล้วที่มีการผลิต 1.88 ล้านคัน ปีนี้น่าจะผลิตได้อย่างน้อย 2 ล้านคัน กำลังขอให้ผู้ประกอบการทุกรายประเมินตัวเลข 6 เดือนหลังมาว่าจะผลิตเพื่อส่งออกเท่าไหร่ และผลิตเพื่อขายในประเทศเท่าไหร่ เมื่อได้ครบแล้วจะมีการแถลงข่าวต่อไป...การปรับลดคนงานของอุตสาหกรรมช่วงนี้ไม่น่าจะมี เพราะการผลิตยังเพิ่มขึ้น"นายสุรพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

      ทั้งนี้ ในปี 57 ไทยมีการผลิตรถยนต์ 1.88 ล้านคัน ลดลง 23.49% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 56 ขณะที่เมื่อต้นปี ส.อ.ท.ตั้งเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะเติบโตราว 14% มาที่ 2.15 แสนคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9.5 แสนคัน

     นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระแสข่าวที่ออกมาว่าจะมีการปรับลดพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น น่าจะเป็นผลจากการที่ค่ายรถยนต์ปรับเปลี่ยนรุ่นการผลิต โดยเลิกการผลิตรถยนต์ในบางรุ่น ทำให้ต้องยกเลิกการว่าจ้างซับคอนแทรคบางราย แต่ขณะเดียวกันก็ได้เริ่มการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ และได้ว่าจ้างซับคอนแทรครายใหม่เข้ามาแทน ทำให้ในภาพรวมยังคงมีการจ้างงานต่อเนื่อง

    ส่วนโรงประกอบรถยนต์นั้น ก็เชื่อว่าไม่มีรายใดที่ลดพนักงาน เพราะบุคคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความเชียวชาญมีไม่มากนัก จึงเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้เพื่อรองรับการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยในส่วนของการทำโอทีของโรงงานปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะการผลิตรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ยังเพิ่มขึ้น 0.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และประมาณการยอดผลิตทั้งปีนี้ยังคงสูงขึ้นจากปีที่แล้ว โดยมองว่าการผลิตรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ในระดับอย่างต่ำ 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 6% จากการผลิตในปีก่อน

    แต่การทำโอทีของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับปี 56 ที่มีการผลิตรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2.46  ล้านคัน หลังจากได้รับประโยชน์จากการส่งมอบรถยนต์ตามโครงการคืนภาษีสรรพสามิตให้กับรถยนต์คันแรก อย่างไรก็ตาม การทำโอทีในปีนี้ยังอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อเทียบกับภาวะปกติของอุตสาหกรรมอย่างในช่วงปี 53 ก่อนที่ในปี 54 จะปรับลดลงจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ และปี 55 ยังได้รับผลต่อเนื่องจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ แต่ก็ได้รับผลบวกจากโครงการรถยนต์คันแรก ที่มีการส่งมอบต่อเนื่องจนถึงกลางปี 56

     ทั้งนี้ มองว่าภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศปีนี้อาจจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติมากนัก เพราะความต้องการรถยนต์ของตลาดยังถูกดึงไปจากโครงการรถยนต์คันแรกอยู่ ขณะที่ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ส่งผลต่อความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธยอดขอสินเชื่อสูงถึง 30-40% อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำด้วย

      แต่คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะออกมามากขึ้น ส่งผลให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมาด้วย ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ยังต้องจับตาทิศทางของราคาสินค้าเกษตรว่าจะดีขึ้นจากปัจจุบันหรือไม่ หลังรัฐบาลระบุว่าจะสนับสนุนให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น

      นอกจากนี้ ยังคาดว่าการส่งออกรถยนต์ของไทยจะเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังในช่วง 4 เดือนแรกยอดส่งออกเติบโตแล้วกว่า 13% จากงวดปีก่อน ทำให้คาดว่าอาจจะปรับเป้าหมายยอดการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในปีนี้ จากเดิมที่ 1.2 ล้านคัน โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาจากรถอีโคคาร์ที่การส่งออกเติบโตมาก ทำให้การส่งออกรถยนต์ไปทางยุโรปเติบโต  80% ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ รวมถึงการส่งออกไปอเมริกาเหนือก็เติบโตขึ้นด้วย ขณะที่ตลาดออสเตรเลียที่ลดลงในปีที่แล้วก็เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่วนตลาดตะวันออกกลาง และแอฟริกาลดลงบ้างจากปัญหาการเมือง

      ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก ทำให้คาดว่าจะปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศปีนี้เหลือระดับ 8.5 แสนคัน จากเป้าหมายที่ 9.5 แสนคัน จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ไม่ฟื้นตัวมากนัก อีกทั้งสถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นด้วย แต่ก็เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัว รวมถึงอาจมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงปลายปีก่อนที่รัฐบาลจะปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในปีหน้า ตามการปล่อยมลพิษ ซึ่งในส่วนของอัตราภาษีสรรพสามิตของรถกระบะจะเพิ่มขึ้นเป็น 5-7% และการจัดงานมอเตอร์โชว์ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีด้วย

      นายสุรพงษ์ ยังเชื่อว่าแนวโน้มการผลิตรถยนต์ของไทยยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต จากการผลิตของโครงการรถยนต์อีโคคาร์ ระยะ 2 ที่น่าจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดในช่วงปี 60 และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่จะดีขึ้น น่าจะช่วยสนับสนุนให้การผลิตรถยนต์ของไทยเข้าสู่ระดับ 3 ล้านคันได้ในปี 62

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!