WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DLTสนท พรหมวงษขนส่งทางบกจี้เจ้าของรถเร่งติดตั้งระบบ GPS Tracking

    แนวหน้า : นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ 'มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS'ว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม-16 พฤศจิกายน 2559 มีรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPSTracking ทั้งสิ้น 92,745 คัน เป็นรถโดยสารประจำทาง 4,745 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง10,598 คัน รถบรรทุกไม่ประจำทาง 30,778 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคล 19,980 คัน นอกนั้นเป็นรถอื่นๆ

   โดยตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดนั้นรถโดยสาร 2 ชั้น ทุกคันต้องติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ GPSภายในรอบปีภาษี 2559 เช่นเดียวกับรถโดยสารสาธารณะประเภทอื่น รถลากจูง และรถบรรทุก10 ล้อขึ้นไป ที่ติดตั้ง GPS Tracking ไว้อยู่เดิม ต้องเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์ฯ GPS ภายในรอบปีภาษี 2559

    “กรมขอให้ผู้ประกอบการขนส่งเร่งดำเนินการติดตั้ง GPS Tracking ตามระยะเวลาที่กำหนด รถที่ฝ่าฝืนจะไม่สามารถดำเนินการต่อทะเบียนได้ ในส่วนของรถที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 25 มกราคม 2559 ที่ยังไม่ได้ติดตั้ง กรมให้ระยะเวลาดำเนินการโดยรถโดยสารสาธารณะและรถลากจูงต้องติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2560 ส่วนรถบรรทุกไม่ประจำทาง ต้องติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2561 และรถบรรทุกส่วนบุคคล ต้องติดตั้งให้เสร็จภายในรอบปีภาษี 2562” นายสนิท กล่าว

    ทั้งนี้ โครงการ 'มั่นใจทั่วไทย รถใช้GPS' จะสามารถแก้ไขและป้องกันปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระยะยาว จากการออกแบบระบบที่มีการควบคุม กำกับ ติดตามพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน ทั้งเรื่องความเร็ว ชั่วโมงการขับรถ การใช้ใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง โดยศูนย์ฯ GPS ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด เพื่อให้ทุกจังหวัดสามารถติดตามตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกอย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปบริหารจัดการติดตามการเดินรถทุกคันในเครือข่ายตนเองได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่งได้อีกด้วย ตลอดจนประชาชนยังสามารถติดตามตรวจสอบการเดินรถทุกคันผ่านแอพพลิเคชั่น DLT GPS ได้ หากพบกระทำความผิดกรมจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย

กรมการขนส่งทางบกจี้ผู้ประกอบการเร่งติดตั้ง GPS Tracking ชี้มีกว่า 9.3 หมื่นคันตั้งแต่ต้นปี 59

       นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ 'มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS'โดยกรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มีเป้าหมายให้รถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่วิ่งให้บริการบนท้องถนน มีความปลอดภัยและลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงกำหนดให้ รถโดยสารสาธารณะทุกคัน รถลากจูง และรถบรรทุกตั้งแต่สิบล้อขึ้นไป ต้องติดตั้ง GPS Tracking พร้อมเครื่องแสดงตัวผู้ขับรถตามระยะเวลาที่กำหนด เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 จนถึงปัจจุบัน (16 พ.ย.59) มีรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ฯ GPS แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 92,745 คัน เป็นรถโดยสารประจำทาง 4,745 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง 10,598 คัน รถบรรทุกไม่ประจำทาง 30,778 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคล 19,980 คัน นอกนั้นเป็นรถอื่นๆ

     ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รถโดยสารสองชั้นทุกคันต้องติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS Tracking ภายในรอบปีภาษี 2559 เช่นเดียวกับรถโดยสารสาธารณะประเภทอื่น รถลากจูง และรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปที่ติดตั้ง GPS Tracking ไว้อยู่เดิม ต้องเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์ฯ GPS ภายในรอบปีภาษี 2559 จึงขอให้ผู้ประกอบการขนส่งเร่งดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด รถที่ฝ่าฝืนจะไม่สามารถดำเนินการต่อทะเบียนได้ ในส่วนของรถที่จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ 25 มกราคม 2559 ที่ยังไม่ได้ติดตั้ง GPS Tracking กรมการขนส่งทางบกให้ระยะเวลาดำเนินการ โดยรถโดยสารสาธารณะและรถลากจูงต้องติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2560 ส่วนรถบรรทุกไม่ประจำทางต้องติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2561 และรถบรรทุกส่วนบุคคลต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในรอบปีภาษี 2562

      อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการมั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS จะสามารถแก้ไขและป้องกันปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในระยะยาวของประเทศ จากการออกแบบระบบ ที่มีการควบคุม กำกับ ติดตามพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน ทั้งในเรื่องความเร็ว ชั่วโมงการขับรถ การใช้ใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง โดยศูนย์ฯ GPS ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด เพื่อให้ทุกจังหวัดสามารถติดตามตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกอย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปบริหารจัดการติดตามการเดินรถทุกคันในเครือข่ายตนเองได้

     เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่งได้อีกด้วย ตลอดจนประชาชนยังสามารถติดตามตรวจสอบการเดินรถทุกคันผ่านแอพพลิเคชั่น DLT GPS หากพบพฤติกรรมขับรถเร็วเกินที่กำหนดขับประมาทหวาดเสียวอันตราย บันทึกประวัติผู้ขับรถทุกราย พร้อมประสานผู้ประกอบการให้รับทราบปัญหา เพื่อการปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ หากพบกระทำความผิดกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย โดยการปรับ พักใช้ใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิด ผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยต้องไม่ขับรถเร็วหรือทำงานเกินเวลากว่าที่กฎหมายกำหนด มีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อให้การขับขี่ของผู้ขับรถมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวก

              อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!