- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Thursday, 31 December 2015 10:10
- Hits: 2365
บี้รฟท.เร่งโอนที่มักกะสันธนารักษ์ส่งซิกคนร.กดดัน
ไทยโพสต์ * ธนารักษ์เตรียมอ้อน คนร. บี้ รฟท.โอนที่ดินมักกะสันล้างหนี้ 6 หมื่นล้านบาท พร้อมกำหนดแผนลงทุนครบวงจร
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการ พัฒนาที่ราชพัสดุย่านมักกะ สันของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ที่จะโอนให้กระ ทรวงการคลังนำมาเช่าพัฒนา ในเชิงพาณิชย์บนพื้นที่จำนวน 479 ไร่ มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการใช้หนี้ที่มีอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับความคืบหน้าในการโอน พื้นที่ดังกล่าวจาก รฟท. ทำให้ กระทรวงการคลังจะขอให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด เร่ง รฟท.โอนที่โดยเร็วที่สุด เพื่อนำมาพัฒนาและให้เกิดการลง ทุนกับเอกชนตามแผนดำเนินงานต่อไป
ทั้งนี้ หลังจาก รฟท.โอน ที่แล้ว กระทรวงการคลังจะกำ หนดแผนการลงทุน เพื่อเปิด ทางให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน กับรัฐ โดยระหว่างนี้จะพิจารณาสัดส่วนบนพื้นที่ทั้งหมดของโครง การที่จะนำมาพัฒนาว่าจะต้องมีสัดส่วนเท่าไรทั้งเชิงพาณิชย์ โรงแรม อาคารสำนักงาน และ สวนสาธารณะ จากพื้นที่ทั้ง หมด 479 ไร่ มูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ภายใต้สัญญา เช่ากรณีรัฐกับรัฐ 99 ปี จาก 50 ปี และกรณีรัฐให้เอกชนเช่าที่ของรัฐ 50 ปี จาก 30 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎ หมายของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เอกชนสนใจเข้าร่วมลง ทุนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ ได้แจ้งกับทาง รฟท. ให้เร่ง ส่งมอบพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ ให้เร็วขึ้น จากเดิมส่วนแรกที่จะต้องโอน 140 ไร่ ระยะเวลาโอนภายใน 2 ปี ก็ปรับให้โอนภายใน 1 ปีครึ่ง และส่วนที่สอง 170 ไร่ จากเดิมจะโอนภายใน 5 ปี ก็ให้โอนภายใน 2-3 ปี เพื่อจะได้นำที่มาให้เอกชนเช่าลงทุนได้ไว ขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรมธนา รักษ์ยังมีแผนบริหารจัดการที่ ราชพัสดุในปี 2559 ให้เกิด ประสิทธิภาพทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึง การใช้ประโยชน์ในส่วนราชการ ซึ่งจะเสนอเป็นแผนใหญ่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.
คลังโยนซูเปอร์บอร์ดบี้รฟท.โอนที่มักกะสันเร่งทำแผนลงทุนสร้างรายได้
แนวหน้า : นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาที่ราชพัสดุย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ที่จะโอนให้กระทรวงการคลังนำมาเช่าพัฒนาในเชิงพาณิชย์บนพื้นที่จำนวน 479 ไร่ มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการใช้หนี้ที่มีอยู่กว่า 1 แสนล้านบาทว่าขณะนี้ ยังไม่ได้รับความคืบหน้าในการโอนพื้นที่ดังกล่าว จากร.ฟ.ท. ทำให้กระทรวงการคลังจะขอให้ทาง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด เร่ง ร.ฟ.ท.โอนที่โดยเร็วที่สุด เพื่อนำมาพัฒนาและให้เกิดการลงทุนกับเอกชนตามแผนดำเนินงานต่อไป
ทั้งนี้ หลังจาก ร.ฟ.ท.โอนที่แล้ว กระทรวงการคลังจะกำหนดแผนการลงทุน เพื่อเปิดทางให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนกับรัฐ โดยระหว่างนี้จะพิจารณาสัดส่วนบนพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ ที่จะนำมาพัฒนาว่าจะต้องมีสัดส่วนเท่าไรทั้งเชิงพาณิย์ โรงแรม อาคารสำนักงาน และสวนสาธารณะ จากพื้นที่ทั้งหมด 479 ไร่ มูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ภายใต้สัญญาเช่ากรณีรัฐกับรัฐ 99 ปี จาก 50 ปี และกรณีรัฐให้เอกชนเช่าที่ของรัฐ 50 ปี จาก 30 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เอกชนสนใจเข้าร่วมลงทุนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้แจ้งกับทาง ร.ฟ.ท. ให้เร่งทำการส่งมอบพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ให้เร็วขึ้น จากเดิมส่วนแรกที่จะต้องโอน 140 ไร่ ระยะเวลาโอนภายใน 2 ปี ก็ปรับให้โอนภายใน 1 ปีครึ่ง และส่วนที่สอง 170 ไร่ จากเดิมจะโอนภายใน 5 ปี ก็ให้โอนภายใน 2-3 ปี เพื่อจะได้นำที่มาให้เอกชนเช่าลงทุนได้ไวขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ยังมีแผนบริหารจัดการที่ราชพัสดุในปี 2559 ให้เกิดประสิทธิภาพทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ประโยชน์ในส่วนราชการ ซึ่งจะเสนอเป็น แผนใหญ่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
สำหรับ การพัฒนาที่ในเชิงพาณิชย์ มีโครงการสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อหาข้อมูล ได้แก่ การเร่งพัฒนาโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต, การให้เอกชนเข้ามาบริหารอาคาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, โครงการ พัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถาบันการบิน พลเรือน, โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณ ตรอกโรงภาษีร้อยชักสาม, โครงการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุบริเวณโรงกษาปณ์ ถนนประดิพัทธ์ ขณะที่การพัฒนาที่ดินในเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อม มีโครงการที่สำคัญ เช่น การสร้างอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย,โครงการจัดสร้างสวนสาธารณะต่างๆ