WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Aอาคม เตมพทยาไพสฐ copyรมว.คมนาคมยอมรับโครงการเร่งด่วน 20 โครงการ มูลค่า 1.79 ล้านล้านบาท เข้าครม.พรุ่งนี้ไม่ทัน เหตุข้อมูลเยอะ

     นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยังไม่สามารถเสนอเรื่อง Action Plan สำหรับโครงการเร่งด่วน 20 โครงการมูลค่า 1.79 ล้านบาทได้ทันการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ เพราะยังมีรายละเอียดจำนวนมากที่จะต้องพิจารณาทบทวน

    ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาแผนปฏิรูป บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)หรือTHAI ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้การบินไทยเร่งพิจารณาปรับลดอัตราค่าตอบ แทน และสวัสดิการพนักงานระดับสูงลงอีกเพื่อลดค่าใช้จ่าย และให้รายงานแผนดังกล่าวภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้

     ปัจจุบันทีมผู้บริหารของการบินไทยอยู่ระหว่างวางแผนแก้ไข และที่ผ่านมาจะมีการปรับลดสวัสดิการของคณะกรรมการบริษัทไปแล้ว  แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้การดำเนินงานยังล่าช้าเมื่อเทียบกับสายการบินเอกชน และสายการบินต้นทุนต่ำ เพราะการบินไทยเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ซึ่งตามหลักการต้อง พิจารณาความเหมาะสมระหว่างเครื่องบิน พนักงาน และเนื้องานให้มีความสอดคล้องกัน โดยเฉพาะ การปรับตัวของพนักงานที่ปัจจุบันมีสัดส่วนพนักงานอาวุโสค่อนข้างมาก ส่งผลให้การขับเคลื่อนงานค่อน ข้างล่าช้า

    ทั้งนี้ ประเด็นชี้แนะที่ต้องการให้การบินไทยกลับไปปรับใช้ คือ 1. การทำงานไม่ควรอุ้ยอ้าย 2. ไม่ ควรจัดสรรผลตอบแทนแก่พนักงานเกินความจำเป็น 3. ควรกำหนดเป้าหมายรายได้ซึ่งเป็นโจทย์ ท้าทาย และ 4. พิจารณาระบบขายตั๋วให้เอเจนซี่อย่างเหมาะสม

  "ประเด็นสำคัญของการบินไทยตอนนี้คือการทำงานค่อนข้างอุ้ยอ้ายซึ่งเกิด ขึ้นจากหลายด้านที่ทำ งานอย่างเดิมสะสมปัญหามา และตัวพนักงานของการบินไทยมีอายุค่อนข้างเยอะ ผิดกับสายการบินอื่น ที่มักจะกำหนดค่าเฉลี่ยอายุของพนักงานเกษียณไว้ค่อนข้าง น้อย เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพนักงาน ใหม่ๆ ที่ยังมีไฟเข้ามาทำงาน เป็นโมเดลที่หลายองค์กรใช้กัน นอกจากนี้ที่ผ่านมาฝ่ายขายของการบิน ไทยยังมีไม่มีการกำหนดโจทย์เป้าหมาย สำนักงานต่างๆ เป็นผลให้อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ไม่เข้าเป้าเพราะพนักงานก็ไม่มีความกระตือรือร้น"รมว.คมนาคม กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

                               

รมว.คมนาคม ชี้รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตในอนาคตไม่ใช่แค่กระตุ้น ศก.

    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้รับโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม(connectivity) ซึ่งโครงการต่างๆ ของกระทรวงฯ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว เนื่องจากแต่ละโครงการจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

      "เมกะโปรเจ็คท์ไม่ใช่มีไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เพื่อรองรับการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต" นายอาคม กล่าว

       รมว.คมนาคม คาดว่า อีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจในต่างจังหวัดจะดีขึ้นเพราะการค้าชายแดน ประกอบกับการพัฒนาการขนส่งที่ดีขึ้น เนื่องจากโครงข่ายการเชื่อมโยงการเดินทางสะดวกสบายขึ้น เพราะมีอีเพย์เมนท์ระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า จะมีการใช้บัตรเติมเงินหรือระบบตั๋วร่วมเพื่อชำระค่าโดยสาร

       นายอาคม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีกิจกรรม 3 ด้านที่จะตอบโจทย์การพัฒนากิจการด้านคมนาคม คือ 1.ขับเคลื่อนโครงการลงทุนภาครัฐ 2.ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และ 3.การแก้ไขปัญหา

      ภารกิจการขับเคลื่อนเมกกะโปรเจ็กต์เพื่อสนับสนุนคมนาคมขนส่ง จะต้องมีการพัฒนาเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ จะต้องสนับสนุนการเติบโตของการบริการโดยมีความชัดเจนว่า รัฐบาลสนับสนุนการขยายอีสเทิร์นซีบอร์ด แบ่งการพัฒนาเป็นคลัสเตอร์ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดเป้าหมาย และมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน

      รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างพัฒนาการขนส่งระบบราง โดยพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาด 1เมตร 6 เส้นทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการเปิดประกาศประกวดราคา 2 เส้นทาง ส่วนอีก 4 เส้นทาง คาดจะประกวดราคาได้ในปีหน้า

    สำหรับ โครงการความร่วมมือพัฒนาโครงการรถไฟขนาดราง 1.435 เมตร เช่น โครงการรถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

       ในส่วนเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร เป็นเส้นทางอีสต์-เวสท์คอริดอร์อีกเส้นทางหนึ่งนั้น ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ได้ศึกษาแนวเส้นทางแม่สอด-นครสวรรค์ และบ้านไผ่-นครพนม เพื่อเชื่อมเส้นทางแต่ยังขาดในส่วนการเชื่อมต่อระหว่าง นครสวรรค์-บ้านไผ่ ซึ่งจะต้องศึกษาและทำให้เชื่อมต่อเส้นทางกันได้หมด

    รมว.คมนาคม กล่าวว่า ส่วนโครงการรถไฟฟ้าจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่ออย่างเป็นทางการเดือน ส.ค.59 โดยจะเปิดทดสอบการเดินรถเดือน พ.ค.-มิ.ย.ปีหน้า ซึ่งการเปิดให้บริการดังกล่าวถือว่าเร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 5 เดือน

    ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ หาก ครม.อนุมัติโครงการภายในปีนี้ กระบวนการร่างทีโออาร์และประกวดราคาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือนถัดจากนี้ ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหน้ากระทรวงคมนาคมจะผลักดันโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง(ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และบางซื่อ-หัวลำโพง) และเชื่อมโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ช่วงพญาไท-ดอนเมือง ให้เดินหน้าให้ได้

       รมว.คมนาคม กล่าวว่า ส่วนการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลดภาระงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าได้ทำอยู่แล้ว คือรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเอกชนลงทุนระบบรถ บริหารการเดินรถ อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ประชาชนและเอกชนทั่วไปสนใจกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะต้องมีผลตอบแทนคืนสู่นักลงทุนตั้งแต่ปีแรก ซึ่งต่อไปรัฐจะมีลักษณะการร่วมทุนแบบพีพีพี เอกชนลงทุนในโครงการทั้งหมด แต่เอกชนยังต้องการให้รัฐเข้ามาข่วยแบ่งเบาภาระในบางส่วน ซึ่งก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม

     ด้านนายสมคิด กล่าวว่า การร่วมทุนแบบพีพีพีในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมีกลุ่มธุรกิจบางประเภทได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้กลุ่มดังกล่าวเข้ามาร่วมทุนแบบที่ปรึกษาโครงการและเสนอรูปแบบการลงทุนที่รัฐได้ประโยชน์เข้ามาให้เลือก ไม่ใช่แต่ละโครงการมีแต่เอกชนรายเดิมๆเพียงไม่กี่รายสนใจเช่นทุกวันนี้

อินโฟเควสท์            

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!