- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Saturday, 10 October 2015 20:31
- Hits: 2595
คมนาคมแก้ระเบียบให้ บขส.แข่งโลว์คอสต์
บ้านเมือง : นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ผู้บริหารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่า เตรียมเสนอให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางแก้ไขกฎระเบียบให้ บขส.สามารถทำการตลาดและใช้กลไกราคาแข่งขันกับสายการบินโลว์คอสต์ โดยอาจกำหนดเพดานราคาให้คุ้มค่ากับต้นทุนบริการและทำโปรโมชั่นดึงดูดผู้โดยสารได้ เนื่องจากที่ผ่านมา บขส.ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันของสายการบินโลว์คอสต์ อีกทั้ง บขส.ต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการลดการเก็บค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่งลง ทำให้ปีนี้ บขส.มีกำไรลดลงประมาณ 125 ล้านบาท อยู่ที่ 217 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้าจะลดลงเหลือ 120 ล้านบาท
ทั้งนี้ บขส.มีแผนลดรายจ่ายด้านราคาน้ำมัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อขอซื้อน้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าราคาจำหน่ายหน้าสถานีลิตรละ 1.50-2 บาท จากปัจจุบันซื้อถูกกว่าลิตรละ 1 บาท ทั้งนี้ หากไม่สามารถเจรจาได้จะเปิดให้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นเข้าร่วมประมูลขายน้ำมัน นอกจากนี้จะเช่ารถโดยสารดีเซลรุ่นใหม่จำนวน 100 คัน มาวิ่งให้บริการประชาชน รวมถึงปรับปรุงการให้บริการ คาดว่าจะรับมอบรถโดยสารครบ 100 คันไม่เกินสิงหาคมปี 2559
ส่วนการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งใหม่บริเวณตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร ล่าสุดมีผู้เสนอราคาจัดซื้อที่ดินแล้ว 5 ราย โดย บขส.จะปิดรับข้อเสนอวันที่ 16 ตุลาคมนี้ และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีปลายปีนี้ โดยใช้งบประมาณลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างปีหน้าและเปิดให้บริการปี 2565
รมช.คมนาคม มอบนโยบายบขส.เร่งแก้ระเบียบค่าโดยสารใหม่ แข่งโลว์คอสต์
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคมเปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและให้นโยบายการดำเนินงาน บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่า ในด้านการดำเนินธุรกิจนั้น บขส.จะต้องเร่งปรับตัว เนื่องจากขณะนี้ประสบปัญหาจำนวนผู้โดยสารลดลง เพราะถูกสายการบินต้นทุนต่ำ ลดค่าโดยสารลงมาใกล้เคียงและแย่งผู้โดยสาร ซึ่งบขส.จะเสนอคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อขออนุมัติกรอบอัตราค่าโดยสารใหม่ จากการกำหนดแบบอัตรา สต./กม. เป็นการกำหนดเพดานขั้นสูง เพื่อให้มีความคล่องตัวในจัดทำราคาให้สามารถแข่งขันได้ตามกลไกลตลาด ซึ่งสามารถกำหนดค่าโดยสารให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ พร้อมกันนี้ จะต้องนำพื้นที่สถานีเอกมัย สายใต้เก่ามาพัฒนาหารายได้เพิ่มด้วย
ในขณะเดียวกัน จะต้องเร่งลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำมัน ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับบมจ. ปตท. (PTT) เพื่อขอลดราคาลง หากทางปตท.ไม่ยอมลดราคา บขส.อาจจะต้องเปิดเสรีในการจัดซื้อน้ำมัน โดยเปิดประมูลเพื่อซื้อน้ำมันจากที่อื่นที่ราคาต่ำกว่าของปตท. โดยผลประกอบการปี 2558 มีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 342 ล้านบาท
ส่วนการย้ายสถานีขนส่งกรุงเทพ (จตุจักร) ไปยังที่แห่งใหม่นั้น บขส.ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยอยู่ระหว่างพิจารณาที่ตั้งแห่งใหม่ ซึ่งตามแผนคาดว่าการย้าย บขส.ไปยังที่ใหม่จะแล้วเสร็จในปี 2565 ดังนั้น ในระหว่างนี้จะต้องเจรจากับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาเพื่อไม่ให้กระทบต่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของรถไฟสายสีแดง
ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานกรรมการ บขส. กล่าวว่า ปัจจุบันที่ปตท.ขายน้ำมันให้บขส.ในราคาต่ำกว่าหน้าปั๊ม 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งบขส.เสนอขอให้ปตท.ลดลงจากราคาหน้าปั๊ม 1.50-2 บาทต่อลิตร แต่ปตท.ยังไม่ยอม ซึ่งในขณะนี้น้ำมันดีเซลในประเทศมีจำนวนมาก โรงกลั่นต้องส่งออกในราคาต่ำกว่าหน้าปั๊ม 2.50-3 บาทต่อลิตร จึงมองว่า หากบขส.ซื้อจากรายอื่นจะได้ต่ำกว่าที่ปตท.ขาย โดยปัจจุบัน บขส.ใช้น้ำมันปีละประมาณ 40 ล้านลิตร คิดเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 25 % ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดหากประหยัดลง1 บาทต่อลิตรเท่ากับลดรายจ่ายได้ถึงปีละ 40 ล้านบาท
“ตามหลักระเบียบรัฐวิสาหกิจกรณีซื้อน้ำมันเกิน 10,000 ลิตรจะต้องซื้อจากปตท.ซึ่งล่าสุด มติคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ให้กระทรวงพลังงานหารือกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขระเบียบดังกล่าว ซึ่งได้เริ่มที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) แล้วที่อนุมัติให้ซื้อน้ำมันจากบริษัทใดก็ได้ ส่วนรัฐวิสาหกิจอื่นๆ คลังอยู่ระหว่างการพิจารณา “
ส่วนการย้าย สถานี บขส.นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ 5 จุด คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติโครงการได้ภายในปลายปี 2558 นี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี จะเร่งแผนงานเพื่อให้แล้วเสร็จและย้ายออกจากที่เดิมในปี 2563 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินสดหมุนเวียนที่มีประมาณ 3,000 ล้านบาทมาลงทุน
อินโฟเควสท์