- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Monday, 30 June 2014 23:15
- Hits: 3830
เครือข่ายรถเมล์ฯแฉ'NGV'3 พันคัน ส่อการทุจริต!!แนะ'คค.'ตรวจสอบ
แนวหน้า : จากติดตามข้อมูลโครงการ'จัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน' ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ภายใต้กระทรวงคมนาคม โดย เครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชน และเครือข่ายผู้บริโภคมาโดยตลอด พบว่า โครงการดังกล่าวไม่คุ้มค่าการลงทุน มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตและผิดกฎหมาย และเป็นการลงทุนที่ล้าหลังไม่เอื้ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย สำหรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ ในวันนี้ ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ'เครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชน ทุกคนขึ้นได้ทุกคัน'ประกอบด้วย สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการประเทศไทย มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มูลนิธิเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาส มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสมาชิกเว็บไซต์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือ change.org ได้จัดแถลงข่าวเปิดเผยข้อมูลกรณีการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน ถึงนความไม่โปร่งใส โดยมีข้อมูลรายละเอียดดังนี้
1.ไม่คุ้มค่าการลงทุนและไม่ตอบสนองต่อการฟื้นฟูกิจการ ขสมก.ด้วย ขสมก.มีภาระหนี้สินสะสมประมาณ 90,000 ล้านบาท การจัดซื้อรถครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่แฝงอยู่ นอกจากการจัดซื้อรถมูลค่า 13,162 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จายแฝงจะประกอบไปด้วยมีค่าซ่อมบำรุงประมาณ 15,000 ล้านบาท ไม่รวมกับ ค่าอะไหล่ ค่าดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมเป็นเงิน โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้จะทำให้ ขสมก.มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นโดยไม่มีการนำเสนอข้อมูลแนวทางแก้ไขปัญหาภาระหนี้สะสมที่เป็นรูปธรรม แต่กลับจะเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตในการจ้างเหมาซ่อมบำรุง การเบิกจ่ายอะไหล่และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง
2.มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต น่าจะขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การประกาศร่างบันทึกข้อตกลง (TOR) ทั้ง 10 ครั้ง ของ ขสมก.ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ทักท้วงเรื่องรายละเอียดการกำหนดราคากลาง และการเปิดช่องให้มีการนำรถแบบชานสูงเข้าประมูลในการจัดซื้อรถโดยสารธรรมดาหรือรถร้อน จำนวน 1,659 คัน ด้วยการอ้างเหตุผลที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้รถในภาวะน้ำท่วม ราคาแพงเกินกว่าราคากลาง และปัญหาสภาพถนนที่รถชานต่ำใช้ไม่ได้ จึงน่าสงสัยว่าจะเป็นการล๊อคสเปคเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจบางแห่ง
การที่ ขสมก.ไม่กำหนดการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ น่าจะผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554) มาตรา 103/7 และน่าจะขัดคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่ระบุให้หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแล การดำเนินงานให้เป็นไปตามบทบัญญัติฯ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ อย่างเคร่งครัด
3.เป็นการลงทุนที่ล้าหลังไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้วยมาตรฐานรถโดยสารในเมือง (City Bus) ทั่วโลกต่างใช้รถโดยสารแบบชานต่ำหรือรถเมล์ไร้บันได ด้วยเป็นการประหยัดพลังงาน ผู้โดยสารขึ้นลงสะดวกปลอดภัย และเอื้ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการ ผู้สูงอายุ แม่ลูกอ่อนที่มีเด็กบนรถเข็น และผู้ใช้จักรยาน เป็นต้น แต่ ขสมก.กลับเปิดช่องให้นำรถแบบชานสูงติดตั้งลิฟท์ยกรถเข็นซึ่งเป็นรถโดยสารระหว่างเมือง (Inter-City Bus) มาใช้เป็นรถโดยสารในเมือง เป็นการลงทุนที่ล้าหลังไม่เอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม
หาก คสช.เห็นชอบโครงการซื้อรถเมล์ 3,183 คันตามที่ ขสมก.และกระทรวงคมนาคมเสนอ จะเป็นการสร้างจุดด่างพร้อยให้แก่ คสช.ผู้ที่ได้รับประโยชน์น่าจะเป็นเพียงกลุ่มนักการเมืองและข้าราชการที่ฉ้อฉน ส่วนประชาชนต้องแบกภาระหนี้สินของ ขสมก.ที่จะเพิ่มขึ้นปีละร่วมหมื่นล้านบาท จะมีประชาชนตกรถเมล์ตาย คนพิการหรือแม่ลูกอ่อนที่ใช้ลิฟท์ยกรถเข็นจะเป็นจำเลยของสังคมที่ขึ้นลงรถเมล์แต่ละครั้ง 5 - 10 นาที
เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและวางรากฐานที่ดีให้แก่กิจการ ขสมก.เพื่อบริการขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ ภาคีเครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนฯ พร้อมด้วยเครือข่ายเพื่อ ขอเรียนไปยัง คสช.ผ่านสื่อมวลชน ให้เร่งฟื้นฟูกิจการรถเมล์พร้อมทั้งจัดหารถเมล์ใหม่อย่างโปร่งใสที่ทุกคนใช้ได้อย่างสะดวกปลอดภัย หากดำเนินการอย่างจริงจังตรงไปตรงมาสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 6 เดือน ทั้งนี้ ภาคีเครือข่ายฯ มีข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะสนับสนุนการทำงานของ คสช.อย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน