- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Wednesday, 30 September 2015 22:43
- Hits: 5956
โฆษกรัฐบาล เผย ก.คมนาคม ลั่นพร้อมใช้ตั๋วร่วมขนส่งสาธารณะทั้งระบบรถไฟฟ้า-ทางด่วน-รถ-เรือ หลังทดสอบระบบเสร็จภายในส.ค. 59ทดสอบระบบเสร็จภายในส.ค. 59
โฆษกสำนักนายกฯ เผย ก.คมนาคม เตรียมดำเนินใช้ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที-บีทีเอส ตั๋วทางน้ำ - รถเมล์- ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ และทางด่วน มารวมในตั๋วใบเดียว เสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 59 และทดสอบระบบพร้อมใช้ในเดือนสิงหาคม 59 พร้อมอนุมัติงบประมาณ 721 ลบ. ดำเนินการสร้างแก้มลิง-สร้างอ่างเก็บน้ำในภาคอีสาน เผยรองนายกฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตือนประชาชน หวั่นลืมพ.ร.บ.-กฎหมายที่อนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมนั้น โดยกระทรวงคมนาคม ได้มีการชี้แจงถึงการใช้ตั๋วร่วมคมนาคมทั้งระบบว่า จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และทดสอบระบบพร้อมใช้ในเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน เพื่อความสะดวกของประชาชนในการพกตั๋วเดินทางเพียงใบเดียว และประหยัดงบประมาณของภาครัฐ
สำหรับ โครงการตั๋วร่วมนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงว่า การใช้ตั๋วร่วมนั้น คือ การนำตั๋วโดยสารรถไฟเอ็มอาร์ที บีทีเอส ตั๋วทางน้ำ โดยสารรถเมล์ ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ และทางด่วนต่างๆมารวมในตั๋วใบเดียว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ซึ่งหากโครงการ ดำเนินการสำเร็จผลประโยชน์คือ พี่น้องประชาขนประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถใช้ตั๋วใบเดียวในการขนส่ง
"โครงการดังกล่าวหากแล้วเสร็จเชื่อว่า ทางราชการประหยัดงบประมาณ ในการขายตั๋ว จากตั๋วแต่ละชนิด นอกจากนี้หน่วยงานของรัฐจะเก็บข้อมูลยังสามารถนำมาแก้ไขปัญหาการจราจรได้ด้วย"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.อนุมัติงบประมาณ 721 ล้านบาท เพื่อดำเนินงาน 2 โครงการ ประกอบด้วย การขุดแก้มลิง 30 แห่ง ใน 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงิน 604 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการคือ การเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง วงเงิน 117 ล้านบาท เพื่อสร้างฝายจากกระสอบทราบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กังวล คือ ข้อกฎหมาย หรือ พระราชบัญญัติต่างๆที่ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.แล้ว บางฉบับมีการประกาศใช้ในราชกิจจาณุเบกษา ซึ่งในกฏหมายที่มีผลบังคับใช้ทันทีไม่มีปัญหา แต่ที่ห่วงคือ กลุ่มที่มีการกำหนดระยะเวลา หรือยังไม่ได้มีผลบังคับใช้นั้น ประชาชนอาจะหลงลืมได้ ดังนั้นจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้ติดตามกฎหมายของแต่ละกระทรวงเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ในบางกฎหมายที่ต้องมีกฎหมายลูกรองรับนั้น บางฉบับยังไม่ได้มีการออกกฎหมายลูกออกมา จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงเร่งรัดกฎหมายลูกให้ออกมา เพราะหากไม่ออกกฎหมายลูกจะทำให้กฎหมายฉบับนั้นบังคับใช้ไม่เต็มศักยภาพ ดังนั้นให้แต่ละกระทรวงไปตรวจสอบว่ามีกฎหมายไหนบ้างที่ไม่มีกฎหมายลูกออกมาตามกฎหมายแม่