- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Monday, 23 June 2014 23:43
- Hits: 4180
กทพ.จะเสนอคสช.เร่งทำส่วนต่อขยายด่วนพระราม 3-วงแหวนรอบนอก แก้ปัญหาจราจร
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ.จะนำเสนอโครงการทางพิเศษ สายพระราม 3 -ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก ด้านตะวันตก ระยะทาง 17 กม. ที่เป็นส่วนต่อขยายจากจุดต่างระดับบางโคล่ก่อนขึ้นสะพานพระราม 9 วงเงินลงทุน 2.7 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่สะสมมาก ซึ่งจะเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และกระทรวงคมนาคม โดยรูปแบบการลงทุนโครงการนี้ กทพ.จะดำเนินการเอง
นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางด่วนขั้นที่ 3( N1,N2,N3 ) ระยะทาง 42.9 กม.ที่ต้องเร่งดำเนินการเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมให้ กทพ.ชะลอออกไปก่อนหลังจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คัดค้าน แต่เนื่องจากปัญหาจรจรติดขัดมากทำให้การเดินทางจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออกไม่สามารถผ่านไปได้ เกิดปัญหาจราจรบนถนนงามวงศ์วาน ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยที่ผ่านมากทพ.ได้เวนคืนที่ดินและก่อสร้างตอม่อแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
อนึ่ง โคงการช่วง N1 (แยกบางใหญ่-แยกเกษตรศาสตร์) ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร ถูกมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ต่อต้าน โดยตอน N1 เริ่มต้นจากถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกบริเวณบางใหญ่ วิ่งมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ผ่านสี่แยกแคราย วิ่งมาตามถนนงามวงศ์วานถึงจุดสิ้นสุดบริเวณสี่แยกเกษตรศาสตร์
ส่วนตอน N2 เริ่มจากสี่แยกเกษตรศาสตร์ แนวสายทางอยู่บนเกาะกลางถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) ของกรมทางหลวง ถึงถนนนวมินทร์ ระยะทางประมาณ 9.2 กิโลเมตร และตอน N3 จากถนนนวมินทร์ ตัดผ่านถนนเสรีไทย และถนนรามคำแหง สิ้นสุดโครงการที่ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่างทางพิเศษศรีรัช ส่วน D กับถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ ระยะทางประมาณ 11.5 กิโลเมตร
"วันนี้การทางพิเศษฯ จะทบทวนโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 หลังจากมีปัญหาการต่อต้านจากม.เกษตรฯ และชะลอการดำเนินการของโครงการมาระยะหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ลงทุนสร้างตอม่อช่วงเกษตร-นวมินทร์ ไปเรียบร้อยแล้ว"นายอัยยณัฐ กล่าว
พร้อมระบุว่า กทพ.ได้ทำการศึกษาทำส่วนต่อขยายอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-สระบุรี ระยะทาง 63 กม. โครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 38 กม. เพื่อเป็นเส้นทางที่วิ่งตรงไปนิคมอุตสาหกรรม แก้ปัญหาจราจรระหว่างเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมและแก้ปัญอุทกภัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและขนส่งสินค้า เส้นทางนี้จะสิ้นสุดที่ อ.บางปะหัน คาดว่าจะศึกษาเสร็จต้นปี 58
โครงการทางพิเศษสายบูรพาวิถี - พัทยา ส่วนต่อขยายระยะทาง 61 กม. โดยจะช่วยแก่ให้การเดินทางไปพัทยาได้วันเดียว สนับสนุนการท่องเที่ยว และเชื่อมต่อจุดสิ้นสุดสายบูรพาวิถี อีกทั้งช่วยการขนถ่ายสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งได้หารือในหลักการกับการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ขณะเดียวกันชุมชน อ.บางพระ ได้คัดค้านแต่ก็ได้ทำความเข้าใจแล้วเพราะการก่อสร้างทางพิเศษเป็นงานก่อสร้างทางยกระดับ โดยพื้นที่ด้านล่างยังสามารถใช้ได้
โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ซึ่งกทพ.จะทำการเจาะอุโมงค์ที่ภูเก็ต เนื่องจากที่ผ่านมาการเดินทางมักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากเป็นทางขึ้นลงเขาที่ชัน ซึ่งกทพ.ได้ทำการศึกษาแล้วจะเจาะอุโมงค์รวม 3 กม. เป็นอุโมงค์ทางลอดให้ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ใช้ได้สะดวก ขณะนี้รอการพิจารณารายงานสิ่งแวดล้อม(EIA)ได้ทำการศึกษาแล้ว นับว่าโครงการนี้เป็นโครงการแรกที่ กทพ.เข้ามาแก้ไขปัญหาจราจรในต่างจังหวัด นอกจากนี้ยีงมีโครงการอนาคต เช่น โครงการทางพิเศษใน จ.เชียงใหม่ โครงการทางพิเศษใน จ.ขอนแก่น โดยทั้งหมดนี้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร หาก กทพ.การดำเนินโครงการเหล่านี้จะมีระยะทางพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 300 กม. เป็น 500 กม. จากปัจจุบันมีระยะทางพิเศษ 200 กม.
กทพ.เตรียมสร้างทางพิเศษเชื่อมโยงอาเซียนตามชายแดน 4 จุด รองรับ AEC
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า เตรียมศึกษาโครงการก่อสร้างทางพิเศษกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ทางพิเศษของไทยเป็น 4 แยกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) บริเวณด่านชายแดนทั้ง 4 จุดหรือ 4ทิศ คือ อ.แม่สาย, อ.แม่สอด, จ.มุกดาหาร และ อ.สะเดา โดยมีรูปแบบการใช้บริการแบบครบวงจร(One Stop Sercice) และวางแผนนำระบบ ETC ที่ใช้กับบัตร Easy Pass มาเก็บค่าผ่านทางระหว่างประเทศ
โดยขณะนี้อยูระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ สำรวจ และออกแบบเบื้องต้นทางพิเศษ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ คาดว่าผลการศึกษาดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า จากนั้นก็จะนำเสนอกระทรวงคมนาคม และยกให้เป็นโครงการเร่งด่วนให้ทันรองรับ AEC ในปี 58 ทั้งนี้จะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 4 ปี ส่วนงบลงทุนยังไม่นิ่งเพราะทำการศึกษาได้มาเพียงครึ่งทาง ซึ่งด่านศุลกากรสะเดาจะเป็นจุดแรกที่ทำทางเชื่อมต่อไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ เพราะมีปริมาณขนส่งสินค้าและคนเดินทางเข้าออกจำนวนมากกว่าจุดอื่น
"โครงการเชื่อมอาเซียนทั้ง 4 จุดที่ศึกษาอยู่จะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในการเดินทางข้ามแดน ณ วันนี้จุดสะเดาจะเป็นจุดแรกเพราะมีปริมาณขนถ่ายสูง" นายอัยยณัฐ กล่าว
สำหรับ ด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย จะเชื่อมต่อไปจีน และพม่า ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมากเข้ามาเที่ยวในเชียงรายและเชียงใหม่ และ กทพ.มีแผนจะเจาะอุโมงค์เพื่อใช้เป็นทางตรงไปเชียงใหม่ถึงเชียงราย ขณะที่ด่านศุลกากรมุกดาหารจะเป็นจุดเชื่อมผ่านไปถึงเวียดนาม ส่วนด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นจุดที่มีปริมาณขนส่งสินค้าสูง ข้ามไปพม่า
ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า กทพ.จะจัดเป็น one stop service และประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมกงสุล โดยสร้างทางพิเศษระยะทาง 4-5 กิโลเมตร เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ซี่งใช้เวลาผ่านศุลกากรราว 5 นาที จากปัจจุบันต้องผ่านด่าน 8 จุดใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง
ส่วนรูปแบบดำเนินการ มี 2 แนวทาง คือ กทพ.ดำเนินการเอง หรือรูปแบบให้เอกชนร่วมทุน(PPP) โดยขณะนี้เอกชนจากจีน สิงคโปร์ และเกาหลีให้ความสนในเข้าร่วมลงทุน
อนึ่ง ในช่วงปี 54-56 มีมูลค่าการค้าเฉลี่ยต่อปีของด่านศุลกากรทั้งขาเข้าและขาออกเฉลี่ยที่ด่านสะเดาประมาณ 3 แสนล้านบาท รองลงมาด่านมุกดาหารมีมูลค่าการค้าเฉลี่ยราว 8 หมื่นล้านบาท ด่านแม่สอดมีมูลค่าการค้าเฉลี่ยเกือบ 5 หมื่นล้านบาท และด่านแม่สาย ราว 2 หมื่นล้านบาท
อินโฟเควสท์