- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Sunday, 24 May 2015 19:30
- Hits: 2983
กกร.ตบเท้าพบประจิน เร่งรัดพัฒนาโครงข่ายคมนาคม
แนวหน้า : พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.ขอให้รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินการแผนพัฒนาโครงการเชื่องโยงคมนาคมต่างๆ เช่น ทางภาคเหนือให้พัฒนาด่านแม่สอดโดยเสนอให้กรมทางหลวงเร่งปรับปรุงสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 1 เพื่อรองรับน้ำหนักของรถบรรทุกได้มากขึ้น เสนอให้ปรับปรุงขยายเส้นทางเชื่องโยงด่านภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางมรดกโลกระหว่างสุโขทัย-หลวงพระบาง
ส่วนภาคกลางได้เสนอให้ขยายเส้นทางเข้า-ออกบริเวณนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนี้กรมทางหลวงวางแผนที่จะขยายช่องทางจราจรจาก 2 ช่องทาง เป็น 4 ช่องทางในปี 2560 พร้อมทั้งเสนอกรมทางหลวงชนบทขยายเส้นทางเข้าสู่นิคมอุตสาหรรมเกตเวย์ฯ รวมถึงการแก้ไขกฎกระทรวงที่มีการกำหนดความสูงรถบรรทุกจาก 4 เมตร เป็น 4.80 เมตร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาให้อีกครั้ง
ภาคใต้เป็นในส่วนการพัฒนาด้านรถไฟเส้นทางจากสุราษฎร์ไปท่านุ่น ซึ่งขณะนี้ทางการได้พยายามเร่งรัดดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียด โดยจะเป็นเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยว และส่วนที่ต่อจากท่านุ่นไปยังตัวเมืองภูเก็ตจะเป็นการแก้ไขปัญหาจราจรซึ่งทางเอกชนต้องการให้มีการเชื่อมต่อในส่วนของการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยโดยเชื่อมทางรถไฟจากภูเก็ต-สตูล-ตรัง เป็นเส้นทางเรียบชายฝั่งอันดามัน และอาจจะปรับปรุงถนนควบคู่กันไป รวมถึงเสนอให้พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า จังหวัดนครศรีธรรมราช
ด้านภาคอีสาน ได้เสนอให้พัฒนาและขยายขีดความสามารถของสนามบินเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เพื่อพัฒนาโครงข่ายเส้นทางคมนาคมเส้นทาง East-West Economic Corridor และให้เป็นสนามบินศุลกากร ส่วนสนามบินนครพนม สกลนคร และบุรีรัมย์นั้นจะพัฒนาเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์มากขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางและการท่องเที่ยว
พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้จัดระบบและการบริการจัดการรถขนส่ง และรถที่สัญจรข้ามแดนและขนส่งสินค้าประเทศมาเลเซีย เนื่องจากไทยและมาเลเซีย ยังไม่มีการลงนามข้อตกลงด้านการการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ทำให้รถตู้ของไทยที่เข้าไปรับส่งผู้โดยสารในมาเลเซียถูกจับกุม โดยนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฝ่าย เสนอให้รถตู้ของไทยและมาเลเซียรวมตัวกันเป็นนิติบุคคลหรือร่วมลงทุนกับมาเลเซีย โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และกรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไปหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมและ กกร. จะประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทุก 3 เดือน