- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Saturday, 23 May 2015 10:58
- Hits: 3077
รมว.คมนาคม เล็งปรับนโยบายเปิดเสรีการบินเป็นแบบมีข้อจำกัด คาดสรุปในก.ย.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมเปิดเผยภายหลังประชุมร่วมหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดในวันนี้ว่า ขณะนี้พบว่า นโยบายเปิดเสรีการบิน (Open Sky) ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท่าอากาศยาน เนื่องจากห้วงอากาศของไทยมีขีดจำกัด ดังนั้นจะมีการปรับนโยบายจากเปิดเสรีการบินแบบไม่มีข้อจำกัด เป็นแบบมีข้อจำกัด โดยจะพิจารณาถึงขีดความสามารถที่แท้จริงในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน โดยจะสรุปภายในเดือนก.ย.ปีนี้
“ขณะนี้ปริมาณเที่ยวบินเกินขีดความสามารถที่น่านฟ้าไทยจะรับได้เปรียบเหมือนน้ำที่ล้นแก้ว ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย ต้องเปิดเสรีให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริง เพิ่มการกำกับดูแลโดยกำหนดความจุของห้วงอากาศว่าสามารถรองรับได้เท่าไร ถึงจะไม่เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แต่ละสนามบินรองรับปริมาณเที่ยวบินได้เท่าไร โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหาร"พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พร้อมกันนี้ จะเร่งรัดการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิในส่วนของการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (EHIA) และการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 จะ ซึ่งขณะนี้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท. กำลังพิจารณาปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างลงจาก 6.2 หมื่นล้านบาทลง อีกทั้งได้เร่งรัดแผนการพัฒนาท่าอากาศยานเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Hub) และศูนย์กลางด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานในอาเซียน
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะเร่งสรุปเรื่องเปิดเสรีการบินเพื่อนำเสนอครม.ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้ามาตรวจสอบ กรมการบินพลเรือน (บพ.) ของไทย แต่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่ความต้องการในการเดินทางโดยเครื่องบินของนักท่องเที่ยวและ สายการบินต้นทุนต่ำมีการเติบโตมาก และสายการบินจากจีนเพิ่มมากขึ้นด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เที่ยวบินจะแน่นในบางช่วงเวลา หากเปิดเสรีแบบไร้ข้อจำกัดต่อไป จะมีปัญหาหนักขึ้นจึงต้องจัดระบบปริมาณเที่ยวบินที่ต้องการเข้าประเทศไทย และความสามารถในการรองรับเที่ยวบินให้สัมพันธ์กับเวลาอย่างเป็นระบบ โดย ต้องเจรจาต่อรองกับสายการบินเพื่อจัดเที่ยวบินไปลงในช่วงเวลาที่ยังมีปริมาณจราจรไม่หนาแน่น
อินโฟเควสท์