- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Tuesday, 07 April 2015 22:20
- Hits: 2611
เผยโสมขาวปลดล็อคกฎเข้มการบิน บพ.จ่อคุยจีน-แคนาดายันพร้อมแก้ไข
แนวหน้า : พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลจากการที่ทางกรมการบินพลเรือนเดินทางไปหารือทำความเข้าใจกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้ เพื่อชี้แจงถึงแผนการแก้ไขข้อบกพร่องด้านการบินที่มีนัยสำคัญต่อมาตรฐานการบิน (SSC) ซึ่งทางเกาหลีใต้ ได้มีการผ่อนปรนให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ(Charter Flight) ของสายการบินเจ็ทเอเชีย ให้สามารถทำการบินเข้าออกเกาหลีได้ระหว่างวันที่ 7-15 เม.ย.นี้ รวมถึงเกาหลีใต้ พร้อมที่จะแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ไทย โดยเฉพาะข้อมูลด้านการกำกับดูแลความปลอดภัย และเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมทั้งยินดีจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของไทยด้วย
ทั้งนี้ เตรียมเสนอให้สายการบินนกสกู๊ต และสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ โดยให้ถือสัญชาติต่างประเทศที่จดทะเบียนใบอนุญาตทำการบินเพื่อใช้ในการทำการบินเช่นสายการบินนกสกู๊ตใช้ของประเทศสิงค์โปร์ และสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ใช้ของประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ในการบินไปเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินของไทยที่บินไปเกาหลีใต้มีจำนวน 70 เที่ยวบินต่อเดือน ทำให้มีผู้ใช้บริการมากที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับ เที่ยวบินประจำของไทยที่ทำการบินไปเกาหลีใต้เช่น สายการบินไทย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สามารถทำการบินได้ตามปกติ แต่หากจะเพิ่มความถี่ในเที่ยวบินประจำ ไทยจะต้องเสนอจำนวนเที่ยวบินและเส้นทางการบินที่จะเพิ่มให้เกาหลีใต้พิจารณาก่อนจึงจะสามารถเริ่มให้บริการได้ ในส่วนสายการบินอื่นได้แก่ เอเชียแอตแลนติก และนกสกู๊ต จะพิจารณาหารือถึงมาตรการผ่อนปรนอีกครั้ง แต่ยังคงเน้นความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเป็นหลักและมีการหารือผลกระทบในการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเกาหลีในช่วงเดือน เม.ย. ที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งกรมการบินพลเรือนของไทยพร้อมอนุมัติเรื่องการเพิ่มเที่ยวบินพิเศษนี้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนสาธารณรัฐเกาหลีด้วยเช่นกันที่จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านเที่ยวบินเช่าเหมาลำจำนวนกว่า 22,119 คน
ด้าน นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะมีการประชุมแผนปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan) โดยในฉบับที่ 2 จะระบุชี้ชัด ถึงแผนการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรลงรายละเอียดเป็นรายเดือน และชี้แจงการดำเนินงานที่จะจัดทำอย่างเร่งด่วนผ่านมาตรา 44 โดยจะเพิ่มกำลังพล จัดสรรงบประมาณอย่างด่วน และจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เอียซ่า (EASA) จะเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงโครงสร้าง บพ.ครั้งใหญ่นี้ โดยเบื้องต้นจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาวางโครงสร้าง และให้ความรู้ด้านกฎหมายซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาภายในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม หากได้ตามที่คาดไว้จะมีการแจ้งผลความคืบหน้าของแผนให้ทางองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และกรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่น (JCAB) โดยเชื่อว่า ภายในวัน 10 เม.ย.นี้จะมีความคืบหน้าประมาณ 70% และในวันที่ 8 - 9 เม.ย.นี้ จะมีการเดินทางไปจีนเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงในวันที่ 20-22 เม.ย.นี้ จะเดินทางไปสำนักงานใหญ่ของ ICAO ที่มอนทรีโอ ประเทศแคนาดา เพื่อทำความเข้าใจถึงมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องที่ปรับปรุงใหม่ ที่อยู่ภายใต้กรอบเวลา 8 เดือน จากเดิมที่ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี
คมนาคมส่งทีมใหญ่จับเข่าคุยประธาน ICAO 20-22 เม.ย.มั่นใจแก้ไขทันกำหนด
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 20-22 เมษายนนี้ ตัวแทนจากกระทรวงคมนาคมที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม จะนำคณะเดินทางไปพบกับประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ที่สำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เพื่อไปชี้แจงว่าประเทศไทยได้แก้ไขข้อบกพร่องอย่างไร เพื่อให้ทาง ICAO ให้ความเชื่อมั่นกรมการบินพลเรือนของไทย
ขณะเดียวกัน ทางคณะทำงานจะมีการประชุมและคาดว่าแผนแก้ไขข้อบกพร่อง(Corrective Action Plan)ฉบับแรกจะต้องเสร็จก่อนเทศกาลสงกรานต์ ส่วนฉบับที่สองตั้งเป้าเสร็จในเดือน พ.ค.โดยจะมุ่งปรับปรุงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ(SSC) ได้แก่ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายที่ไม่ทันสมัยที่มีอยู่ 25-30 มาตรา ที่ต้องปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะต้องใช้มาตรา 44 หรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาแก้ไขกฎหมายให้เร็วที่สุด รวมทั้งการบรรจุกำลังคนเพิ่มขึ้น คาดว่าพรุ่งนี้จะเริ่มทยอยส่งข้อแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องต่อ ICAO ได้ ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 60 วันที่จะปลด SSC
"ถ้าพรุ่งนี้จะมีผลสรุปเรื่องกฎระเบียบที่ปรับปรุงได้เรื่องการแก้ไข SSC พรุ่งนี้เราก็สามารถส่ง ICAO ได้ และส่งให้กับกรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่นด้วย" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวว่า จากกรณีกรมการบินพลเรือนเกาหลีใต้ห้ามสายการบินแบบเช่าเหมาลำ 3 สายการบินตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางกรมการบินพลเรือนไทยได้เดินทางเจรจากับทางเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2-4 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมชี้แจงว่าทาง ICAO ไม่ได้มาตรวจสอบสายการบิน และไทยได้ให้ความมั่นใจว่าจะคลี่คลายปัญหาได้ โดยขอให้เกาหลีใต้อนุญาตสายการบินเช่าเหมาลำและสายการบินประจำทำการบินได้ตามปกติ และขอให้สายการบินแบบเช่าเหมาลำที่มีหุ้นส่วนเป็นต่างประเทศที่จดทะเบียนในไทย สามารถใช้ใบอนุญาตทำการบินจากอีกประเทศที่เป็นหุ้นส่วนได้
การสั่งห้ามทำการบินของทางการเกาหลีใต้ดังกล่าวได้กระทบสายการบิน 3 สายเช่าเหมาลำที่จะบินจากไทย ได้แก่ Jet Asia Airline, Asia Atlantic Airline และ NOK Scoot มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบรวม 22,119 คน ส่วนสายการบินที่ทำการบินประจำที่ได้รับผลกระทบ คือ การบินไทย(THAI) และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ไม่สามารถเพิ่มความถี่เที่ยวบินได้ จากเดิมเพิ่มได้ไม่จำกัด นอกจากนี้ก็ยังกระทบนักท่องเที่ยวเกาหลีที่มาท่องเที่ยวในไทย 1.3 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม จากที่ตัวแทนฝ่ายไทยได้ไปเจรจากับทางเกาหลีใต้แล้ว เมื่อวานนี้(6 เม.ย.) กรมการบินพลเรือนเกาหลีใต้อนุญาตให้สายการบิน Jet Asia Airline ทำการบินเข้าออกประเทศเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 7-15 เม.ย.นี้ ส่วนที่เหลือยังไม่ได้รับแจ้งแต่อย่างใด รวมทั้งการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินเส้นทางประจำได้เท่าไร
รมว.คมนาคม กล่าวว่า แผนงานต่อไป กรมการบินพลเรือนไทยจะเดินทางไปจีนในระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย. เพื่อไปชี้แจงกรณี ICAO เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานกรมการบินพลเรือนของไทย เหมือนที่ชี้แจงให้กับทางญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แม้ยังไม่เกิดผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยจำนวนมาก หลังจากนั้นจะเดินทางไปสำนักงานใหญ่ ICAO ช่วงวันที่ 20-22 เม.ย.นี้จากนั้นจะเดินทางไปออสเตรเลียและเยอรมันเพื่อทำความเข้าใจต่อไป
ด้านนายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน(บพ.) เปิดเผยถึงผลการหารือกับกรมการบินพลเรือนของประเทศเกาหลีว่า คณะผู้แทนไทยได้แจ้งให้ทางเกาหลีใต้ทราบถึงความตั้งใจและแผนงานการแก้ไขข้อบกพร่องของไทย และแสดงความเป็นห่วงใยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวและมีผู้โดยสารจำนวนมากว่าจะมีมาตรการผ่อนปรนหรือไม่อย่างไร ทางการเกาหลีใต้แจ้งว่าต้องการช่วยบรรเทาสถานการณ์ดังกล่าวจะอนุญาตให้เพิ่มเที่ยวบินแบบประจำได้ ส่วนกรณีอื่นจะแจ้งผลการพิจารณาให้ฝ่ายไทยทราบโดยเร็ว
อินโฟเควสท์