- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Friday, 13 March 2015 23:21
- Hits: 2068
ดันตั๋วร่วมเป็นวาระแห่งชาติคมนาคมเตรียมเสนอ ครม.ปลายเดือนนี้ใช้ปี 59
บ้านเมือง : กระทรวงคมนาคมเดินหน้าจัดทำระบบตั๋วร่วม ระบบขนส่ง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลอีก 2 สัปดาห์ ดันเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมนำร่องใช้ระบบตั๋วร่วมต้นปี 59 มั่นใจอนาคตราคาตั๋วรดลง พร้อมกันนี้ได้ ลงนามความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ลงนามความร่วมมือซื้อขายสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางพารา
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานงานแถลงเปิดเดินหน้าระบบตั๋วร่วมและมาตรฐานบัตร โดยมีผู้บริหารสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส และบริษัทที่ปรึกษาเข้าร่วม ว่าภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการกำกับนโยบายตั๋วร่วม เพื่อให้การผลักดันระบบตั๋วร่วมมีความสำคัญระดับชาติและเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยคณะกรรมการดังกล่าวเสนอให้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน
นอกจากนี้ จะมีการเร่งเดินหน้าจัดตั้งบริษัทจำกัด เพื่อจัดการระบบตั๋วหรือ CTC เพื่อให้การบริหารจัดเก็บรายได้ด้วยเคลียร์ริ่งเฮ้าส์มีประสิทธิภาพ เบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถนำระบบตั๋วร่วมเริ่มใช้ได้ต้นปี 2559 ซึ่งจะมีระบบขนส่งต่างๆ เข้าร่วม ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ระบบรถเมล์โดยสารเอ็นจีวี ระบบเรือโดยสาร และอาจจะมีระบบทางด่วนต่างๆ เข้าร่วมด้วย ส่วนระบบขนส่งมวลชนเส้นทางใหม่ๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงก็สามารถร่วมกับระบบได้ทันที หลังการก่อสร้างเสร็จและเปิดเดินรถ
สำหรับ การจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้น จะเป็นลักษณะเอกชนที่มีภาครัฐถือหุ้นร้อยละ 40 และใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจำนวนดังกล่าวจะใช้เป็นเงินปรับปรุงระบบร่วมที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าต่างๆ ปัจจุบัน วงเงินทั้งสิ้น 244 ล้านบาท ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับหลังมีระบบตั๋วร่วม ประชาชนจะมีการเชื่อมต่อระบบขนส่งได้อย่างคล่องตัวและคณะกรรมการกำกับนโยบายตั๋วร่วมที่มี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน จะมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยให้ค่าโดยสารถูกลงจากการที่สามารถลดค่าแรกเข้าระบบรถต่างๆ ลงได้ โดยในส่วนค่าแรกเข้าลดได้อย่างน้อยร้อยละ 10-20
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนนี้จะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) BTS ให้พิจารณาเรื่องการปรับค่าโดยสาร เนื่องจากมีนโยบายที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารทุก 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยรอบล่าสุดที่ปรับคือเดือนมิถุนายน 2556
ทั้งนี้ หากบอร์ดอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารได้ BTS ก็จะเริ่มเก็บอัตราใหม่ภายในปี 2558 โดยจะประกาศแจ้งล่วงหน้าก่อนขึ้นค่าโดยสาร 30 วัน ซึ่งจะส่งผลให้ BTS รับรู้รายได้จากการปรับค่าโดยสารอัตราใหม่แบบเต็มปีดำเนินงาน 2557/2558 (เม.ย.57-มี.ค.58) อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายสุรพงษ์ เคยระบุว่า ปัจจุบัน BTS มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6% ซึ่งในการปรับค่าโดยสารนั้นก็จะให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่าย
และในวันเดียวกันนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมกับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 3 ภายหลังการสรุปรูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ EPC พร้อมแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบ โดยฝ่ายไทยจะรับผิดชอบในส่วนของการวางฐานราก และ Power supply ขณะที่จีนจะรับผิดชอบของเส้นทางบริเวณที่เป็นหุบเขา เนื่องจากจะต้องใช้เทคโนโลยีของจีน ส่วนด้านการเดินรถและการบำรุงรักษา จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนของ 2 ฝ่ายแบ่งการดำเนินการเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกระยะปีที่ 1-3 จีนจะเป็นผู้ดำเนินการเดินรถช่วง 2 ระยะปีที่ 4-7 ไทย-จีน จะเป็นการดำเนินการร่วมกัน และตั้งแต่ปีที่ 7 เป็นต้นไป ไทยจะรับเป็นผู้ดำเนินการ
ขณะเดียวกัน พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมพิธีปิดการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยจีนครั้งที่ 1 พร้อมลงนาม agreed minutes โดยรัฐบาลจีนตกลงจะซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวใหม่ 1 ล้านตัน และข้าวในสต๊อกของรัฐบาลไทยอีก 1 ล้านตัน ระหว่างปี 2558-2559 ราคาตลาด และตกลงในหลักการที่จะซื้อยางพาราจากไทย 200,000 ตันราคานำตลาด