- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Sunday, 19 August 2018 07:35
- Hits: 4588
กรมการขนส่งทางบก จับมือภาคธุรกิจ ยกระดับแท็กซี่สู่มาตรฐานความปลอดภัยและการให้บริการที่เหนือกว่า เปิดตัวรถแท็กซี่หรูขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%’EV Taxi VIP’ 101 คันแรกของประเทศไทย
กรมการขนส่งทางบก จับมือภาคธุรกิจ ยกระดับแท็กซี่สู่มาตรฐานความปลอดภัยและการให้บริการที่เหนือกว่า เปิดตัวรถแท็กซี่หรูขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%’EV Taxi VIP’ 101 คันแรกของประเทศไทย เพิ่มทางเลือกในการใช้บริการของประชาชน และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้ผู้ขับรถ พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบวันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
ณ กรมการขนส่งทางบก นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก, นายศุภจิตร สิงหนุ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขนส่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), ดร. ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล กรรมการบริษัท บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด และนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว EV Taxi VIP 101 คันแรกของประเทศไทย ภายใต้โครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่ทัดเทียมมาตรฐานสากล โดยใช้ยานยนต์ไฟฟ้า BYD e6 (บีวายดี อีซิกซ์) ที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า 100%
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวทางในการขับเคลื่อนส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้สูงขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล โดยที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และแนวทางการใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างปลอดภัย ซึ่งทำให้เกิดการขับเคลื่อนสนับสนุนการเติบโตของของยานยนต์ไฟฟ้า และกระทรวงคมนาคมยังได้เร่งผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้การเปิดตัว EV Taxi VIP ภายใต้การยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยโครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการสร้างระบบการคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพในทุกด้าน
ทั้งการยกระดับการให้บริการระดับมืออาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนขับแท็กซี่ พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากการคมนาคมขนส่งเพิ่มเติม อีกทั้งยังลดการใช้น้ำมันลง เนื่องจากรถที่นำมาใช้ให้บริการเป็น EV Taxi VIP เป็นรถที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน เพิ่มจำนวน Taxi VIPซึ่งเป็นการให้บริการรถหรูระดับพรีเมี่ยม ที่มีมาตรฐานครอบคลุมในทุกมิติตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดยมีสถานีอัดประจุไฟ Charging station ให้บริการทั้งหมด 30 แห่งทั่วกรุงเทพ เพียงพอกับความต้องการใช้งานของรถ EV Taxi VIP นอกจากนี้ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดพื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้กับรถ EV Taxi VIP ส่งเสริมความเป็น Smart Airport ให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสร้างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ
ด้าน นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งในการใช้รถโดยสารสาธารณะพลังงานทางเลือกที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและการให้บริการ โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยให้มีคุณภาพความปลอดภัยและการให้บริการภายใต้โครงการ Taxi OK และ Taxi VIP โดยนำเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือบริหารสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนด้วยบริการด้วยรถสาธารณะที่ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะ Taxi VIP ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการเดินทางที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับรองรับความต้องการกลุ่มผู้โดยสาร เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ, ธุรกิจโรงแรม, นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบายและการให้บริการในการเดินทางระดับพรีเมี่ยม ในส่วนของความร่วมมือของภาคเอกชนครั้งนี้ บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ได้นำรถยนต์ไฟฟ้า BYD e6 (บีวายดี อีซิกซ์) มาให้บริการเป็น Taxi VIP ซึ่งจะเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้า 100% กลุ่มแรกของประเทศไทย เนื่องจากรถ BYD e6 เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จะพร้อมให้บริการ EV Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป และบริษัทฯ ตั้งเป้ามีรถ EV Taxi VIP ให้บริการ 101 คัน ภายในปี 2561
ทั้งนี้ ในส่วนของสมรรถนะรถ BYD e6 เป็นไปตามมาตรฐาน Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกำหนดให้ต้องมีความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเบรกแบบ ABS และมีถุงลมนิรภัยที่นั่งตอนหน้าอย่างน้อย 1 คู่ ติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถเหมือนกับ Taxi OK ประกอบด้วย ติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, มาตรค่าโดยสาร, ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 จุด ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้และใช้งานสะดวก, กล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot ทำงานร่วมกันได้แบบ Real-time ส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ประกอบการ และศูนย์บริหารจัดการรถแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก (DLT TAXI CENTER) กล่องป้ายไฟแสดงข้อความ Taxi VIP หรือข้อความอื่นตามที่กรมการขนส่งทางบกให้ความเห็นชอบ ด้านความสะดวกสบายในการเรียกใช้บริการผ่าน Application Taxi OK นอกจากนี้ EV Taxi VIP ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มมากขึ้น เช่น แท็บเล็ตเพื่อดูหนังฟังเพลง มีเบาะที่นั่งผู้โดยสารและพื้นที่จัดเก็บกระเป๋าสัมภาระกว้างขวาง ซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ บริเวณเคาน์เตอร์ ณ ศูนย์บริการบริเวณชั้น 1 สนามบินสุวรรณภูมิ เรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น Taxi OK ของกรมการขนส่งทางบก และคอลเซ็นเตอร์ 0 2039 8888 สำหรับอัตราค่าโดยสาร เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 150 บาท และกิโลเมตรต่อไปคิดอัตรากิโลเมตรละ 16 บาท สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิต เดบิต อาลีเพย์ วีแชท แรบบิทไลน์เพย์ หรือชำระเป็นเงินสด พร้อมให้บริการ EV Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกสนับสนุนทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยให้มีคุณภาพความปลอดภัยและมาตรฐานให้บริการทัดเทียมมาตรฐานสากลภายใต้โครงการ Taxi OK และ Taxi VIP เพื่อความมั่นใจตลอดการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มให้บริการ Taxi OK อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา และได้ขยายขอบเขตให้รองรับความต้องการเดินทางของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่มด้วยบริการ Taxi VIP โดยบริษัท ออลไทย แท็กซี่ จำกัด ได้นำรถหรู Mercedes-Benz รุ่น C350e Avantgarde ซึ่งเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมาให้บริการเป็น Taxi VIP ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีรถให้บริการแล้วจำนวน 20 คัน
รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรของภาคเอกชนบริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด และ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 จะทำให้เกิดการพัฒนาระบบการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะร่วมกันอย่างครบวงจร คาดว่าภายในปีนี้จะมีรถ Taxi OK และ Taxi VIP รองรับให้บริการได้อย่างเพียงพอ และรองรับความต้องการของผู้โดยสารได้ทุกกลุ่มอย่างสมบูรณ์ โดยยึดหลักถูกใจผู้โดยสาร ถูกต้องตามกฎหมาย และทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพและบริการรถแท็กซี่ของประเทศให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน