- Details
- Category: คมนาคม
- Published: Tuesday, 20 February 2018 06:45
- Hits: 5238
บี้รฟท.สร้างทางคู่ 4 แสนล้าน จ่อชงครม.อนุมัติมี.ค.นี้ เร่งเฟส 3 เชื่อมซีแอลเอ็มวี
ไทยโพสต์ : หัวลำโพง * 'อาคม' บี้ รฟท.เปิดประมูลรถไฟทางคู่เฟส 2 รวม 9 เส้นทาง 4 แสนล้านภายในปีนี้ คาดชง ครม.อนุมัติ 2 เส้นแรก บ้านไผ่-นครพนม และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มี.ค.61 นี้ พร้อมผุดโครงการทางคู่เฟส 3 เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน เติมเต็มโครงข่ายขนส่งสินค้า ดันยอดขนส่งพุ่ง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังจากเข้ามอบนโยบายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าได้กำชับให้เร่งขับเคลื่อน โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 รวม 9 เส้นทาง วงเงิน 3.98 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าเปิดประมูลโครงการได้ทั้งหมดในปี 2561 เพื่อตอกเสาเข็มเริ่มก่อสร้างในปีต่อไป รวมถึงได้มอบแนวทางในการพัฒนาบท บาทของ รฟท.หลังผ่านแผนฟื้น ฟูกิจการ
สำหรับ ขั้นตอนขณะการดำเนินงานนั้น ภายในเดือน พ.ค. 61 นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นจะเริ่ม ทยอยประกวดราคาในช่วงไตร มาสที่ 3-4 ของปีนี้ สำหรับเส้น ทางที่มีความพร้อมและสามารถ เสนอ ครม.ได้ภายในเดือน มี.ค. นี้ คือ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม และ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
"หลังจากที่โครงการรถ ไฟทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านการขนส่งสินค้ามากขึ้น จากปัจจุบันมีปริมาณขนส่งสินค้าต่อปีที่ 11 ล้านตันต่อปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 46 ล้านตันต่อปีในปี 70" นายอาคมกล่าว
นายอาคมกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 รวม 7 เส้นทาง ว่าขณะนี้ โครงการทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น คืบหน้า 52%, ช่วงฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย คืบหน้า 62% คาดว่าทั้ง 2 เส้นทางจะพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือน ก.พ.62 ส่วนอีก 5 เส้นทางขณะนี้เริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 65-66
นอกจากนี้ รฟท.ได้มีแผน พัฒนาโครงการรถไฟทางคู่เฟส 3 เพื่อเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านและเติมเต็มโครงข่ายระบบ รางรองรับการขนส่งสินค้า รวม ถึงผู้โดยสารที่จะเพิ่มมากขึ้นหลังทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ โดย รวมแล้วมีทั้งหมด 13 เส้นทาง วงเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท เช่น รถไฟเชื่อมพื้นที่ระเบียง ภาคตะวันตก (WEC) โครงการเชื่อมรถไฟสองชายฝั่งทางภาคใต้ (Landbride) และโครงการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ตะวันตก เป็นต้น (EWEC)
สำหรับ รถไฟทางคู่ทั้ง 9 เส้นทาง ได้แก่ 1.ช่วงเด่นชัยเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท 2.ช่วงบ้าน ไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท 3.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะ ทาง 167 กม. วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท 4.ช่วงสุราษฎร์ธานีสงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท
5.ช่วงหาดใหญ่-ปาดัง เบซาร์ ระยะทาง 75 กม. วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท 6.ช่วงปาก น้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท 7.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 59,924.24 ล้านบาท 8.ช่วงขอนแก่น-หนอง คาย ระยะทาง 174 กม. วงเงิน 26,065.75 ล้านบาท และ 9.ช่วง ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. วงเงิน 35,839.74 ล้านบาท.
รมว.คมนาคม เร่งรฟท. ลุยโครงการทางคู่-ศึกษาใช้รถไฟฟ้าแทนรถดีเซล เพื่อลดมลพิษ เบื้องต้นนำร่อง 4 เส้นทาง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบให้นโยบายให้กับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า รฟท.จะต้องมีการยกระดับบริการ ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มบทบาทการขนส่งสินค้า ปัจจุบันปริมาณสินค้าที่มีการขนส่งจำนวน 500 ล้านตัน แต่ขนส่งทางรถไฟประมาณ 10 ล้านตัน หรือเพียง 1 ใน 50 ของปริมาณสินค้า โดยคาดว่า เมื่อการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 แล้วเสร็จจะเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าเป็น 20 ล้านตัน และเมื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 แล้วเสร็จในปี 2565-2566 จะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าเป็น 30 ล้านตัน หรือไม่เกินปี 2570 ทั้งนี้จะต้องขึ้นกับจำนวนหัวรถจักรและแคร่สินค้าที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนในการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่นั้น ช่วงที่ 1 มีระยะทาง 993 กม.วงเงิน 113,660 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างในช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น มีความคืบหน้า 52% กำหนดแล้วเสร็จ ก.พ.62, ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญา 1 คืบหน้า 66% แล้วเสร็จ ก.พ.62 สัญญาที่ 2 งานอุโมงค์ คืบหน้า 98% แล้วเสร็จ ก.พ.61
ส่วนรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 9 สัญญาที่ได้ลงนามไปเมื่อเดือน ธ.ค.60 ได้ทยอยเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.61 โดยจะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปี 2565 ส่วนช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญา 2 ที่มีการปรับแบบนั้นจะเสนอ ครม.ขออนุมัติได้ในเดือน ส.ค.61
สำหรับ รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 และสายใหม่ ระยะทาง 2,174 กม. วงเงิน 427,012 ล้านบาท คาดว่า ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือน มี.ค.61 ส่วนอีก 7 เส้นทางอยู่ระหว่างทำข้อมูลเพิ่มเติมให้สภาพัฒน์ คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.61 เป็นต้นไป
ส่วนรถไฟทางคู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นทางรถไฟสายใหม่ที่เป็นฟีดเดอร์ 14 เส้นทาง วงเงินประมาณ 501,455 ล้านบาท ได้เร่งรัดให้ รฟท.ศึกษาออกแบบให้เสร็จในปี 2561-2562 เช่น ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม, แม่สอด-ตาก-กำแพงเพชร-นครสวรรค์, ช่วงนครสวรรค์-บ้านไผ่, ศรีราชา-ระยอง, มาบตาพุด-ระยอง-จันทบุรี-ตราด,กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน, กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี-บ้านภาชี, อุบลราชธานี-ช่องเม็ก, ศรีสะเกษ-ยโสธร-ร้อยเอ็ด, เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, ชุมพร-ระนอง, สุราษฏร์ธานี-ดอนสัก, สุราษฏร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น, ทับปูด-กระบี่
ส่วนบทบาทด้านการเดินทางของผู้โดยสารนั้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า มีการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟทางคู่ได้ลงนามสัญญากับผู้รับเหมาเพื่อก่อสร้างแล้ว 7 เส้นทาง จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารด้วย จากปัจจุบันขนส่งผู้โดยสารที่ 35 ล้านคนต่อปี คาดว่าปี 2570 เมื่อรถไฟทางคู่เสร็จหมด จะเพิ่มการขนส่งผู้โดยสารเป็น 70 ล้านคน หรือมากขึ้นอีก 2 เท่า
นอกจากนี้ จะต้องมีการปรับปรุงด้านบริการ จากปัจจุบันที่มีประเภทรถด่วน รถด่วนพิเศษ รถเร็ว รถธรรมดา รถชานเมือง ฯลฯ ซึ่งได้ให้นโยบายในการแบ่งประเภทของบริการใหม่เป็น 4 รูปแบบ คือ 1.Premium Train เป็นบริการที่ต้องการใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง
2.Overnight Train สำหรับการเดินทางไม่เร่งรีบมาก ใช้รถไฟปกติซึ่งปัจจุบันเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ได้ปรับลดเวลาเดินทางจาก 14 ชม.เหลือ 12 ชม. จากการปรับปรุงทางเปลี่ยนรางและหมอนคอนกรีต ทำให้รถเพิ่มความเร็วได้เป็น 80-90 กม./ชม. ในอนาคตเมื่อรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ จะลดระยะเวลาเดินทางเหลือ 7 ชม.เท่านั้น สามารถปรับตารางการเดินทางให้สอดคล้องกับความต้องการผู้โดยสารได้มากขึ้น
3.ประเภทรถไฟบริการระหว่างเมือง เช่น กรุงเทพ-นครสวรรค์, กรุงเทพ-ขอนแก่น, กรุงเทพ-บุรีรัมย์ หรือจากบุรีรัมย์-สุรินทร์, บุรีรัมย์-อุบลราชธานีขอนแก่น-หนองคาย เป็นต้น ซึ่งเป็นรถไฟที่ไม่ต้องการความเร็วมากนัก 3. ประเภทรถไฟชานเมือง รถไฟในเมือง หรือ Commuter Train เช่นรถไฟสายสีแดง ซึ่งในแต่ละประเภทจะแบ่งชั้นในการให้บริการ เป็น ชั้นธุรกิจ ชั้นประหยัด ได้อีก
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ รฟท.ยกระดับบริการจากรถไฟดีเซลเป็นรถไฟฟ้า เพื่อลดปัญหามลพิษ ซึ่ง รฟท.อยู่ระหว่างศึกษาการใช้หัวรถจักรไฟฟ้า เบื้องต้นจะนำร่อง 4 เส้นทาง กรุงเทพ-นครราชสีมา, กรุงเทพ-หัวหิน, กรุงเทพ-นครสวรรค์, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพในการยกระดับเป็นหัวจักรไฟฟ้า ซึ่งในเส้นทางจะมีบริการรถไฟดีเซลในปัจจุบันร่วมด้วย
ส่วนการเพิ่มบุคลากรนั้น รฟท.ได้เสนอของยกเว้นมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุ ซึ่งได้เสนอเรื่องมากระทรวงคมนาคมแล้วเตรียมเสนอครม.ต่อไป นอกจากนี้จะมีการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ และการตั้งสถาบันวิจัยพัฒนาระบบราง ซึ่งมีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เป็นประธาน
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า เรื่องการเดินรถไฟฟ้าใน 4 เส้นทางนั้นได้ตั้งงบศึกษาและออกแบบไว้แล้วประมาณ 100 ล้านบาทเศษ เพื่อคัดเลือกเส้นทางที่จะออกแบบ เนื่องจากต้องลงทุนในการติดตั้งเสาไฟฟ้า และสร้างโรงไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟฟ้าด้วย
อินโฟเควสท์
ก.คมนาคม ติดตามการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ 1 คืบหน้าตามแผน ขณะที่ รฟท.เตรียมรับบุคลากรเพิ่มกว่า 5 พันอัตรา
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง มีความคืบหน้าตามแผน ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ 2 จำนวน 9 เส้นทางเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ เส้นทางเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ เป็นโครงการแรก ขณะที่ รฟท.เตรียมเปิดรับอัตรากำลังเพิ่มอีกว่า 5 พันอัตรา ให้สอดรับกับงานที่เพิ่มขึ้น
โดยเส้นทางชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น โครงการมีความก้าวหน้าร้อยละ 52 กำหนดแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
เส้นทางฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย สัญญา 1 โครงการมีความก้าวหน้าร้อยละ 66 กำหนดแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 สัญญา 2 โครงการมีความก้าวหน้าร้อยละ 98 กำหนดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2561
เส้นทางลพบุรี - ปากน้ำโพ , มาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ,นครปฐม - หัวหิน ,หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร โครงการได้เริ่มการก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
ส่วนความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางปากน้ำโพ - เด่นชัย ,ขอนแก่น - หนองคาย ,ชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ,ชุมพร - สุราษฎร์ธานี ,สุราษฎร์ธานี - หาดใหญ่ - สงขลา ,หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ,เด่นชัย - เชียงใหม่ , เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และบ้านไผ่ - มุกดาหาร - นครพนม โดยกระทรวงฯ จะเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการฯ ได้เป็นอันดับแรก
ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 3 (ทางรถไฟสายใหม่เชื่อมต่อจังหวัดสำคัญ) โดยเร่งรัดให้ รฟท. เริ่มศึกษาและออกแบบเส้นทางแม่สอด - ตาก - กำแพงเพชร - นครสวรรค์ และนครสวรรค์ – บ้านไผ่ ภายในปี 2562
การเตรียมพร้อมด้านอัตรากำลัง การพัฒนาบุคลากร รวมถึงการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ เพื่อรองรับการดำเนินงานของ รฟท. ในอนาคต นั้น รฟท.เตรียมเปิดรับอัตรากำลังเพิ่มเติมอีก 5,637 อัตรา เพื่อให้สอดคล้องกับงานที่จะเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย