- Details
- Category: ทางบก-ทางน้ำ
- Published: Wednesday, 04 March 2020 16:44
- Hits: 1184
กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม ‘เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น’ เชิญชวน!!! เจ้าของรถ ดูแลและตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง
กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม’เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น’ เชิญชวน!!! เจ้าของรถ ดูแลและตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหา PM 2.5 ไม่ให้รถก่อปัญหาควันดำ
. ณ กรมการขนส่งทางบก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น” ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการดูแลและตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง ร่วมแก้ไขปัญหา PM 2.5 ลดปริมาณควันดำจากผงเขม่าสีดำขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ พร้อมเชิญชวนประชาชนหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการขับขี่ที่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ การปรับแต่งเครื่องยนต์ ที่ส่งผลทำให้รถเกิดควันดำสร้างปัญหามลพิษกระทบต่อสุขภาวะทางเดินหายใจของประชาชน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การจัดกิจกรรม ‘เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น’เป็นการรณรงค์และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เจ้าของรถส่วนบุคคลทุกคัน เพื่อให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดปริมาณควันดำจากผงเขม่าสีดำขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ด้วยการบำรุงรักษาและหมั่นดูแลเครื่องยนต์ไม่ให้ก่อปัญหาควันดำเมื่อใช้งานบนท้องถนน ตรวจเช็กหัวฉีดและปั๊มหัวฉีดน้ำมันให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน โดยสาธิตวิธีการดูแลรักษาเครื่องยนต์ พร้อมแนะนำให้ทำความสะอาดไส้กรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด โดยรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 3 เดือน
ส่วนรถที่ใช้งานทั่วไปจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อขับถึงระยะ 8,000-10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ตรวจดูไส้กรองอากาศที่ทำหน้าที่ดักจับฝุ่น ไม่ให้เข้าสู่น้ำมันเครื่องรถยนต์ ตรวจเช็กไส้กรองอากาศรถยนต์โดยควรทำความสะอาดทุกๆ 10,000 กิโลเมตร ชำระล้างสิ่งสกปรกในท่อไอเสียโดยทำการฉีดน้ำเข้าไปทำความสะอาดภายในท่อไอเสีย และตรวจเช็กหัวฉีดและปั๊มหัวฉีดน้ำมันให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานโดยนำเข้าศูนย์บริการ ทำการตรวจเช็กปั๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งตรวจเช็กหัวฉีดน้ำมันและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ รวมทั้งการตรวจเช็กอัตราและจังหวะการฉีดน้ำมันให้ถูกต้องตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อไปว่า หากเจ้าของรถไม่บำรุงรักษารถ ย่อมก่อให้เกิดการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ได้ อีกทั้งพฤติกรรมการขับรถแบบกระชากหรือเหยียบแรงเกินไป การปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้มีกำลังม้ามากขึ้น หรือการบรรทุกน้ำหนักเกินสมรรถนะซึ่งต้องใช้กำลังเร่งเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึงสภาพการจราจรที่ติดขัดที่รถมีจำนวนมากปริมาณค่ามลพิษสะสมในอากาศก็มากขึ้นตามไปด้วยล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดควันดำได้ทั้งสิ้น ซึ่งผู้ขับขี่รถบนท้องถนนสามารถร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากเครื่องยนต์ด้วยการใส่ใจกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และปรับแต่งเครื่องยนต์อย่างเหมาะสมเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
. ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยตนเองแล้ว กรมการขนส่งทางบกกำหนดมาตรการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งตรวจวัดควันดำรถทุกประเภทที่มาดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ เช่น การโอนรถ การเปลี่ยนสีรถ เป็นต้น รวมถึงเข้มงวดกำกับ ดูแล สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ทั่วประเทศ สุ่มตรวจสอบการดำเนินการของ ตรอ. เพื่อให้การตรวจสภาพรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี รถจักรยานยนต์ที่มีการใช้งานครบ 5 ปี ของ ตรอ. เป็นไปตามมาตรฐาน ควบคู่กับมาตรการเข้มงวดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล
และนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยให้ดำเนินการเข้มข้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในส่วนภูมิภาค 15 จังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือที่มีค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน โดยมีผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 - 1 มีนาคม 2563 ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งสิ้น 178,523 คัน ตรวจพบรถควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเกิน 45% ทั้งหมด 2,934 คัน คิดเป็น 1.64 % พ่นห้ามใช้ทันทีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท โดยรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไขและต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง เมื่อผ่านการตรวจสภาพจึงสามารถลบข้อความห้ามใช้ออกและนำรถไปใช้งานได้ โดยในระหว่างที่รถถูกสั่งห้ามใช้ หากมีการฝ่าฝืนใช้รถโดยยังไม่ดำเนินการแก้ไข มีความผิดตามกฎหมาย ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และบักทึกประวัติความผิดซึ่งจะมีผลต่อการชำระภาษีรถประจำปี
. นอกจากนี้ ประชาชนยังมีส่วนร่วมด้วยการส่งภาพรถบรรทุกและรถโดยสารควันดำที่สังเกตเห็นหมายเลขทะเบียนชัดเจน ผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบ อาทิ ทางสายด่วน 1584, Line@: @1584DLT, Facebook: 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ https://www.facebook.com/dlt1584/ เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือ https://www.dlt.go.th/, แอปพลิเคชัน DLT GPS, E-mail: [email protected] ตลอด 24 ชั่วโมง
กลุ่มประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกรม กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2271-8805 - 6 Fax. 0-2271-8805
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web