WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

LOreal  1

ลอรีอัล ประเทศไทย ตอกย้ำผู้นำสกินแคร์ เล็งขยายความสำเร็จสู่ตลาดเมคอัพ

      บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทความงามอันดับสองของประเทศไทย นำโดย มร.อูเมช ฟัดเค กรรมการผู้จัดการ (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมทีมผู้บริหาร 3 แผนกผลิตภัณฑ์ แถลงตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจความงามระดับโลก ด้วยอัตราการเติบโตในตลาดกลุ่มสกินแคร์สำหรับผิวหน้าของไทยที่สูงกว่าตลาดถึง 3 เท่าในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้ารุกตลาดเมคอัพเต็มอัตรา

      บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทความงามอันดับสองของประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจความงามระดับโลก ด้วยอัตราการเติบโตในตลาดกลุ่มสกินแคร์สำหรับผิวหน้าของไทยที่สูงกว่าตลาดถึง 3 เท่าในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้ารุกตลาดเมคอัพเต็มอัตรา

     ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (สกินแคร์) ของประเทศไทย นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศกลุ่มอาเซียน มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 35,752 ล้านบาท(1) โดยในตลาดแมสซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไทยนั้น สกินแคร์สำหรับผิวหน้ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 68 ของตลาดสกินแคร์รวม(2)  มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4 และเป็นตลาดที่สะท้อนความไว้วางใจของผู้บริโภค โดยลอรีอัลครองความเป็นผู้นำอยู่ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 12 ในช่วงครึ่งปีแรก(2)

      นอกจากนี้ ตลาดเครื่องสำอาง (เมคอัพ) ของประเทศไทย ยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกลุ่มอาเซียน ด้วยมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 12,393 ล้านบาท(1) โดยในตลาดแมส ธุรกิจเมคอัพมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 16 ของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามรวม และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 7 ขณะที่ลอรีอัล ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ +11 ในช่วงครึ่งปีแรก และเป็นผู้นำในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่วางขายผ่านร้านค้าในกลุ่มโมเดิร์นเทรด(2)

      มร.อูเมช ฟัดเค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลอรีอัล ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นบริษัทความงามที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในประเทศ(3) เราเป็นผู้นำตลาด

      สกินแคร์สำหรับผิวหน้าซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงและต้องการนวัตกรรมที่ดีที่สุดเสมอ การที่เราได้เป็นผู้นำในตลาดนี้นับเป็นความภูมิใจและสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเรา”

      และเพื่อเสริมความเป็นผู้นำตลาดสกินแคร์และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจเมคอัพยิ่งขึ้น ลอรีอัล ประเทศไทยจึงจะมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ สร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น สร้างแคมเปญการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจในบริการทุกจุดขาย พร้อมเปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเสริมทัพ คือ คัลเลอร์ โชว์ (ColorShow) คลาริโซนิค (Clarisonic) และเออเบิน ดีเคย์ (Urban Decay)

    'คัลเลอร์ โชว์ (ColorShow)' แบรนด์ที่แตกไลน์ออกมากจากเมย์เบลลีน นิวยอร์ก เพื่อมอบความหลากหลายและที่สุดของสีสัน ในราคาย่อมเยา ให้กับผู้ที่หลงใหลในสีสันและผู้ที่เริ่มแต่งหน้า ให้ตื่นตาตื่นใจกับสีสันมากมายที่ผสมเป็นเฉดสีใหม่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในคุณภาพระดับแบรนด์เมคอัพอันดับหนึ่งของโลก

     'คลาริโซนิค (Clarisonic)'แบรนด์อุปกรณ์ดูแลผิวหน้าอันดับหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา การันตีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดีกว่ามือเปล่าถึง 6 เท่า ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในไทยที่เซโฟร่า สยาม เซ็นเตอร์ เมื่อต้นสิงหาคมที่ผ่านมา

     “เออเบิน ดีเคย์ (Urban Decay)” แบรนด์เมคอัพสุดชิคจากสหรัฐอเมริกา ที่ครองอันดับหนึ่งของแบรนด์เมคอัพยอดนิยมในเซโฟร่าในทุกทวีปต่างๆรอบโลก ซึ่งจะเปิดตัวที่ประเทศไทยในเดือนกันยายนนี้

       นอกจากนี้ ลอรีอัล ยังได้ปรับ ‘ลอรีอัล ปารีส เมคอัพ’ เป็น ‘ลอรีอัล เมคอัพ ดีไซเนอร์ (L’ORÉAL Make Up Designer)’  โดยวางกลยุทธ์ให้เป็นแบรนด์แห่งแรงบันดาลใจของทีมเมคอัพดีไซเนอร์ระดับสากล ทำให้ ‘ลอรีอัล เมคอัพ ดีไซเนอร์’ เป็นแบรนด์แห่งเมคอัพดีไซเนอร์ (designer make up brand) เพียง

LOreal  2

แบรนด์เดียวในตลาดพรีเมี่ยมแมส (premium mass market)

       “คนไทยเป็นคนรักสวยรักงาม มีความงามเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเสมอ เห็นได้จากวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ความเป็นตัวตน ซึ่งพื้นฐานความต้องการนี้ช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้แก่ตลาด และสร้างโอกาสมากมายให้แก่ธุรกิจความงามในอนาคต สำหรับลอรีอัลแล้ว การเสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ด้วยการสื่อสารอันมีประสิทธิภาพ ด้วยการเติบโตของช่องทางการจัดจำหน่าย-กระจายสินค้า และด้วยคุณภาพในการบริการ เรามั่นใจว่าจะสามารถครองความเป็นผู้นำในตลาด

สกินแคร์และยกระดับความสำเร็จของเราในตลาดเมคอัพขึ้นไปอีกขั้น”

      “ธุรกิจของเราดำเนินงานภายใต้พันธกิจ ‘แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง’ (Beauty for All) ที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการด้านความงาม ความปรารถนาที่หลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้บริโภค นั่นคือเหตุผลที่เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย หรือพูดง่ายๆ ว่า เรามีผลิตภัณฑ์สำหรับทุกคน”

      “ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัท ลอรีอัล สำนักงานใหญ่ ที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่ 1 พันล้านคนทั่วโลก  ประเทศไทยในฐานะตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกลุ่มอาเซียน จึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันองค์กรให้ถึงเป้าหมาย เราต้องการเป็นบริษัทความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเข้าถึงผู้บริโภคทุกคนในอนาคต” มร.อูเมช ฟัดค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุป

เกี่ยวกับลอรีอัล

       ลอรีอัล คือบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายทุกช่องทาง ครอบคลุม: ห้างสรรพสินค้า  ร้านค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน และร้านค้าปลีก ลอรีอัลทุ่มเทให้กับการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม ด้วยงบประมาณสำหรับการวิจัยกว่า 857 ล้านยูโร หรือราว 38,000 ล้านบาทต่อปี ด้วยทีมนักวิจัยกว่า 4,000 คน ที่จดสิทธิบัตรกว่า 624 สิทธิบัตรภายในหนึ่งปี ซึ่งการทุ่มเทงบประมาณเพื่อการวิจัยถือเป็นหัวใจของกลยุทธ์องค์กร ที่มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการด้านความงามอันหลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคหน้าใหม่อีก 1 พันล้านคนทั่วโลก  โดยลอรีอัลได้ประกาศพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนขององค์กร หรือพันธสัญญาแห่งการ “แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง”  เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย

                ลอรีอัล ประเทศไทย คือบริษัทความงามอันดับสองของประเทศไทย ปัจจุบันนำเข้าและจัดจำหน่าย 21 แบรนด์ความงามชั้นนำของโลก โดยแบ่งออกเป็น 4 แผนก ดังนี้

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค ได้แก่ ลอรีอัล ปารีส การ์นิเย่ และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก

แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ได้แก่ ลังโคม ไบโอเธิร์ม จิออร์จิโอ อาร์มานี่ ราล์ฟ ลอเรน คาชาเรล กี ลาโรชย์  คีลส์ ชู อูเอมูระ วิคเตอร์ แอนด์ รอล์ฟ  ดีเซล อีฟส์ แซงต์ โลร็องต์ คลาริโซนิค และ เออเบิน ดีเคย์

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ได้แก่ ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล เคเรสตาส และแมทริกซ์

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ได้แก่ ลา โรช-โพเซย์ และวิชี่

                คณะบริหารของลอรีอัล ประเทศไทย ประกอบด้วยสมาชิก 9 คน จาก 6 สัญชาติ สะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับและเคารพความแตกต่างหลากหลาย

อ้างอิง:

(1)    มูลค่ายอดขายสุทธิ – การประเมินจากตลาดรวมภายในประเทศ ทุกช่องทางการจัดจำหน่าย (ตลาดแมสค้าปลีก, ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับมืออาชีพ, ตลาดค้าปลีกแบบเลือกสรร, ตลาดเวชสำอาง และตลาดขายตรง)

(2)    ตัวเลขล่าสุดในปี 2557 จาก AC Nielsen Retail Audit โดยรวมตลาดสกินแคร์บุรุษและสตรี  (ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงผิวหน้า)

(3)    เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่มีเงินรายได้สูงกว่า 5 พันล้านบาท 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!