- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 17 December 2017 19:48
- Hits: 1619
เพาเวอร์ มอลล์ สยายปีก หาทำเลนอกห้างขยายสาขาเชื่อตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าฟื้น
ไทยโพสต์ : พร้อมพงษ์ * 'เพาเวอร์มอลล์' เล็งขยายตัวนอกห้างสรรพสินค้า ผนึกเอสบี ดีไซน์สแควร์ ประเดิมสาขาแรกย่านราชพฤกษ์ ชี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2561 อาจกลับมาบวกทุกหมวด
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชค ชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริหาร สินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เพาเวอร์มอลล์ เปิดเผยว่า นับจากนี้การขยายสาขาของเพาเวอร์ มอลล์มีโอกาสอยู่นอกห้างสรรพสินค้ากลุ่มเดอะมอลล์มากขึ้นในรูปแบบพาร์ตเนอร์ชิพ ที่ต้องมีแนวทางการดำเนินธุรกิจและลูก ค้าใกล้เคียงกัน เพื่อเกื้อหนุนซึ่ง กันและกัน โดยเฉพาะเขตกรุง เทพฯ ที่ยังมีช่องว่างของธุรกิจอยู่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคต เพราะการเปิดสาขานอกกลุ่มเดอะ มอลล์ย่อมทำให้ขยายตัวเร็วขึ้น จึงได้ใช้งบประมาณหลายร้อย ล้านบาท ลงทุนเกี่ยวกับโครงสร้าง พื้นฐาน ระบบไอที ซัพพลาย คลัง จัดเก็บสินค้า และระบบขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากเดิมมีแวร์เฮาส์ขนาด 4,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 8,000 ตารางเมตร และเริ่มนำสินค้าเข้าไปจัดเก็บมากขึ้น
สำหรับ ธุรกิจของเพาเวอร์ มอลล์ที่มีความสำคัญอยู่ในลำดับ 3 ของเครือเดอะมอลล์ การขยายสาขาของปี 2561 อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 2-3 ทำเล ซึ่งคงต้องดูองค์ประกอบด้วยกันหลายอย่าง ล่าสุดบริษัทได้เลือกเดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ เป็นสาขาแรกที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ขนาดพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร งบลงทุน 40-50 ล้านบาท เชื่อว่าจะมีผลตอบรับดี เพราะเป็นย่านที่มีการขยายตัวของที่พักอาศัยรวดเร็ว มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและกำลังซื้อสูง เห็นจากยอดการใช้จ่ายในกลุ่มระดับบน 1 แสนบาทต่อใบเสร็จ มากกว่าทำเลอื่นของเอสบีประมาณ 10-20%
ส่วนการคัดเลือกสินค้าเพื่อ ทำตลาดในสาขาดังกล่าว ซึ่งครอบ คลุมตั้งแต่ย่านปิ่นเกล้า, พุทธมณฑล, บางใหญ่, ราชพฤกษ์, รัตนาธิเบศร์ และเพชรเกษม จะเน้นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหมวดทีวีขนาดใหญ่ ที่น่าจะมียอดจำหน่ายที่ดี รวมถึงตู้เย็นขนาดใหญ่ เครื่องซักผ้า และเครื่องครัวขนาดเล็กที่มีดีไซน์ ซึ่งนับว่าเป็นการเติม เต็มให้เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างครบครันมากยิ่งขึ้น
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีน่าจะมีอัตราการเติบโต 2% หรือคิดเป็น 2.33 แสนล้านบาท โดยการขับเคลื่อนหลักยังมาจากกลุ่มโทรศัพท์มือถือ แม้จะโต 3-4% แต่มีสัดส่วนมากสุด 40% ของภาพรวมตลาด บวกกับสัญญาณที่ดีจากอีกหลายกลุ่ม ซึ่งเริ่มกลับมาเป็นบวกหรือติดลบน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นทีวีติดลบเหลือ 3% จากก่อนหน้าติดลบ 5% ส่วนแอร์เคยติดลบกว่า 10% แต่ค่อยๆ ดีขึ้น ขณะที่ตู้เย็นทรงตัว และเครื่องซักผ้ากลับมาบวก 1% โดยเครื่องครัวขนาดเล็กโต 15% มองว่า ปีหน้าทุกหมวดน่าจะกลับมาเป็นบวก และภาพรวมตลาดควรโต 5%.