- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 22 August 2014 22:13
- Hits: 2582
3 บิ๊กไทย-ยุ่น บุกร้านอาหาร ส่ง 'วาโชกุ ซาโต' บุฟเฟ่ต์ชาบู ชิงเค้ก 1.7 หมื่นล้าน
บ้านเมือง : นิปปอนเต ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของไทยสจับมือ เครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่สและซาโตสเรสเตอรองต์ บิ๊กธุรกิจร้านอาหารจากญี่ปุ่น ขอแบ่งตลาดธุรกิจร้านอาหาร 1.7 หมื่นล้าน นำ "วาโชกุสซาโต" ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นบุกตลาดเมืองไทย เปิดตัวสาขาแรกที่เจพาร์คสศรีราชา ตุลาคมนี้ พร้อมขยายสาขาเพิ่มอีก 8 แห่งภายใน 5 ปี
นายกิตต อุรุพัฒนาการ ประธาน บริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด (นิปปอนเต กรุ๊ป) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการทำร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยของนิปปอนเตที่มีมานานกว่า 26 ปี ทำให้เห็นถึงกระแสความนิยมของคนไทยที่มีต่ออาหารญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ย 10-15% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาที่ทำให้บริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด (นิปปอนเต กรุ๊ป) ตัดสินใจร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ และบริษัท ซาโต เรสเตอรองต์ ซิส
เท็มส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อก่อตั้งบริษัท นิปปอนเต ซาโต จำกัด เพื่อนำร้านอาหารญี่ปุ่น'วาโชกุ ซาโต'จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเปิดในประเทศไทย
'วาโชกุ ซาโต'เป็นร้านอาหารประเภทครอบครัว ด้วยสาขาที่มีมากถึง 197 สาขา ให้บริการอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ชาบูที่มีจุดเด่นอยู่ที่รสชาติที่มีความเป็นญี่ปุ่น ในแบบโอซากาและเกียวโตแท้ๆ และยังมีอาหารหลากหลายชนิดให้บริการ โดยร้านวาโชกุ ซาโต สาขาแรกในประเทศไทยจะเปิดในเดือนตุลาคมนี้ที่คอมมูนิตี้ มอลล์ สไตล์ญี่ปุ่นเจพาร์คของเครือสหพัฒน์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ใกล้กับสวนอุตสาหกรรมศรีราชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานและพักอาศัยจำนวนมาก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของร้านวาโชกุ ซาโต ก็คือกลุ่มคนทำงาน กลุ่มครอบครัว และชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานและพักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
บริษัท นิปปอนเต ซาโต จำกัด ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นประกอบด้วยนิปปอนเต กรุ๊ป ในนามของบริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 61% เครือ สหพัฒน์ถือหุ้นในสัดส่วน 20% และบริษัท ซาโต เรสเตอรองต์ ซิสเท็มส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นในสัดส่วน 19%
"เราเชื่อมั่นว่าศักยภาพและความเชี่ยวชาญของผู้ถือหุ้นทั้ง 3 ฝ่าย จะเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันและทำให้ร้านวาโชกุ ซาโตในเมืองไทยประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศญี่ปุ่น โดยนิปปอนเตนั้นมีประสบการณ์ในการทำร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมากว่า 26 ปี มีความเข้าใจในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ส่วนซาโต เรสเตอรองต์ เป็นเจ้าของร้านวาโกชุ ซาโต ในประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง และยังมีระบบและโนว์ฮาวในการบริหารจัดการในเรื่องการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ สำหรับเครือสหพัฒน์ก็นับว่ามีความเชี่ยวชาญในการทำตลาด ทราบถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทย มีความคุ้นเคยกับการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นมานาน รวมทั้งประสบความสำเร็จในการทำร้านอาหารญี่ปุ่นซาโบเตน มาก่อน" นายกิตติ กล่าว
นอกจากที่เจพาร์คแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายสาขาวาโชกุ ซาโต เพิ่มอีก 8 แห่ง ภายในระยะเวลา 5 ปี เน้นการขยายสาขาไปยังอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 200 ล้านบาท ภายใน 5 ปี นอกจากนี้จะมีการศึกษาถึงโอกาสในการทำตลาดในประเทศกลุ่มเออีซี ซึ่งหากเห็นว่ามีศักยภาพ บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะขยายสาขาร้านวาโชกุ ซาโต ไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว ในเบื้องต้นมองว่าประเทศที่มีศักยภาพได้แก่ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว เป็นต้น