- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 22 August 2014 22:12
- Hits: 4538
เถ้าแก่น้อย แจ้งเกิด 'เถ้าแก่ป๊อป' รุกตลาดขายข้าวโพดคั่วชนิดซอง
บ้านเมือง : 'เถ้าแก่น้อย'สุดปลื้มร้านต๊อบคอร์นข้าวโพดคั่วพรีเมียมยอดขายพุ่ง ชูกลยุทธ์ Brand Synergy ต่อยอดสู่ 'เถ้าแก่ป๊อป'ข้าวโพดคั่วแบบซอง วางขายผ่านเซเว่น อีเลฟเว่นและโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ พร้อมแผนการตลาด 360 องศา ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เจาะคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าปีแรกกวาดไตรมาสสุดท้ายยอดขายทะลุ 50 ล้าน โกยส่วนแบ่งตลาด 15%
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่'ต๊อบคอร์น' (Tob Corn) ร้านจำหน่ายข้าวโพดคั่วสดพรีเมียม ภายใต้แนวคิด'Popcorn Beyond Imagination by ToB'เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี มียอดขายสูงเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
โดยมีปัจจัยมาจากเรื่องของคุณภาพที่ดีของวัตถุดิบ กระบวนการคั่วสด และรสชาติที่ดีแปลกใหม่ด้วยสูตรเฉพาะของเถ้าแก่น้อย ทำให้ถูกปากผู้บริโภค จนปัจจุบันมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นรวม 3 สาขา ได้แก่ เทอร์มินอล 21, สยามสแควร์วัน (S1) ซีคอนสแควร์ และเปิดขายในส่วนของเคาน์เตอร์ Take Home ในเดอะ มอลล์ สาขาบางกะปิ และสาขางามวงศ์วาน และจะขยายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากร้านต๊อบคอร์น สู่ข้าวโพดคั่วแบบซอง'เถ้าแก่ป๊อป'ภายใต้กลยุทธ์ Brand Synergy การผนึกกำลังของแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่างเถ้าแก่น้อย และสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อยของต๊อบคอร์น เพื่อพัฒนาสู่ "เถ้าแก่ป๊อป" ป๊อปคอร์น Segment ใหม่ พรีเมียมอีโคโนมี่ ป๊อปคอร์นคุณภาพพรีเมียม คุณภาพจัดเต็ม ราคาเบาๆ จำนวน 2 รส ได้แก่ เถ้าแก่ป๊อป รสคาราเมล, รสคาราเมลเชดด้าชีส ราคา 20 บาท วางจำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 8,000 สาขาทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมนี้
ก่อนที่จะขยายไปยังร้านค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด เช่น บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, 108 Shop เป็นต้น และร้านค้าปลีกทั่วไปหรือเทรดดิชั่นนอลเทรดเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้สะดวกทั่วถึง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังจุดจำหน่ายต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาซื้อได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น โรงภาพยนตร์ เป็นต้น
ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเตรียมทำตลาดแบบ 360 องศา ผ่านกลยุทธ์การตลาดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยออฟไลน์ เป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ 'เถ้าแก่ป๊อป'ส่วนออนไลน์ เป็นการใช้กลยุทธ์ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างแบรนด์และกระตุ้นให้เกิดการทดลองชิมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่
ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเถ้าแก่ป๊อป โดยการจัดกิจกรรมผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ค จะเปิดโอกาสให้แฟนเพจ ได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ป๊อป โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขาย 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นยอดขายในประเทศร้อยละ 60 และต่างประเทศร้อยละ 40 และมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 15-20 ในปีแรกด้วย
สำหรับ ตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ค) เมืองไทยในปี 2556 มีมูลค่าตลาดราว 29,866 ล้านบาท โดยสแน็คประเภทข้าวโพดคั่วเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด จากปัจจุบันที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ตลาดข้าวโพดคั่วทั่วไป อาทิ ข้าวโพดคั่วรถเร่ ตามตลาดสดฯลฯ มีมูลค่าราว 300 ล้านบาท , ตลาดข้าวโพดคั่ว บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 1,000 ล้านบาท และตลาดข้าวโพดคั่วสดพรีเมียม มีมูลค่าราว 100 ล้านบาท