- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 28 January 2017 10:50
- Hits: 4226
สมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ชี้ช่องทำธุรกิจปี ’60 ใช้เทคโนโลยีต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม
ดร.วิริยะ ลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ และนายกสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่าปัจจุบันภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ในประเทศ เพราะ SMEs ถือเป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ และเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนวิสาหกิจไทย ในปีที่ผ่านมาหลักสูตรฯ ได้สร้างที่ปรึกษาคุณภาพสู่ตลาดเพื่อรองรับงานจากภาครัฐและเอกชนมาแล้ว 8 รุ่น เพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา และเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาและปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆของ SMEs ในปัจจุบัน อาทิ การส่งเสริมด้านตลาด สถาบันการเงิน เทคโนโลยีการผลิต การเข้าถึงหน่วยงานภาครัฐ การตัดต้นทุนและเพิ่มกำไร เพื่อสร้างมาตรฐานก่อนก้าวสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลก
สำหรับ ในปี 60 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ต้องเร่งปรับตัวรับสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป แนะคิดใหม่และมีความชัดเจนในเป้าหมาย พร้อมเตรียมรับมือสังคมผู้สูงอายุ ที่จะทำให้สูญเสียบุคลากร ซึ่งผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวในการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเวลา พร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ปัจจุบันระบบนิเวศน์ในการทำธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากเทคโนโลยีทางการสื่อสารที่มีความทันสมัยมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไปในทุกๆ ด้าน ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีจึงต้องปรับตัวตามให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งบรรดาที่ปรึกษาธุรกิจในด้านต่าง ๆ ที่มีประสบการณ์ตรงจากการทำงานจริง ได้ฝากความคิดเห็นที่สร้างโอกาสในการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการไว้ดังนี้
นายสมชาย กาญจนหฤทัย ที่ปรึกษาอิสระด้านการปรับโครงสร้างองค์กร ให้คำแนะนำว่าปัญหาหลักของผู้ประกอบเอสเอ็มอีไทย คือ มีความคิดอยู่กับที่และมีวิธีคิดไม่ชัดเจน แม้จะทำธุรกิจมายาวนานหลายสิบปี แต่ก็ไม่สามารถก้าวข้ามวิธีคิดแบบเดิมๆ ที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของการทำธุรกิจในปัจจุบัน จากประสบการณ์พบว่าต้นเหตุหลักของปัญหาอยู่ที่เจ้าของกิจการและผู้ปฏิบัติงาน มักจะมีวิธีคิดและมุมมองที่ไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากการสื่อสารที่ทำให้เกิดช่องว่าง และการบริหารงานที่ล้าสมัย ปัญหาเหล่านี้ ที่ปรึกษาธุรกิจสามารถเข้าไปช่วยได้ เพื่อทำให้ทุกฝ่ายในองค์กรมีวิธีคิดและเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งหากเจ้าของกิจการสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ คนที่เป็นลูกน้องก็จะต้องปรับตัวตาม ทั้งนี้การปรับตัวของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องเริ่มจากการดูตัวเองว่ามีเป้าหมายอย่างไร และต้องทันเหตุการณ์ ที่สำคัญคือไม่เสพข่าวสารมากเกินไปจนทำให้เกิดความวิตกกังวล หากเจ้าของธุรกิจเข้าใจความต้องการของตัวเองแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่ที่ปรึกษาธุรกิจจะเข้าไปให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อการปรับโครงสร้างองค์กรให้สามารถรองรับการแข่งขันทางธุรกิจในปี 2560 นี้
ด้าน นางสาววิรดา เลิศมหัทธโน ที่ปรึกษาด้านการเพิ่มศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ (People Performance Consultant) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวันแมนโชว์ จำกัด ให้มุมมองด้านการบริหารงานบุคคลไว้ดังนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีฝ่าย HR ที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Aging Society หรือการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ที่จะส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องประสบกับภาวะสูญเสียบุคลากรในรุ่นบุกเบิกที่ร่วมสร้างธุรกิจขึ้นมา เมื่อองค์กรต้องเสียทรัพยากรบุคคลจากการเกษียณอายุ ก็จำเป็นต้องมีการสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมามารับช่วงต่อ ซึ่งต้องใช้เวลามาก ทางออกที่ดีของปัญหานี้คือ จะต้องมีการยืดการเกษียณอายุออกไป แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาไปตามความรู้ความสามารถ และความเหมาะสมของบุคคลากรแต่ละคนด้วย ในขณะเดียวกันฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรเอง จะต้องเข้าใจในพฤติกรรมของคนทำงานในยุคปัจจุบัน (Gen-Y) ที่จะเข้ามามาทดแทนในองค์กร เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยี สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เป็นคนมีความคาดหวังในการทำงานสูง ต้องการรวยเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่ Digital Workplace และ Internet of thing ได้เข้ามามีบทบาทในองค์กรค่อนข้างมาก ลูกจ้างสามารถทำงานออนไลน์ที่ไหนก็ได้ ด้วยการนำ Mobile Technology เข้ามาใช้ องค์กรจึงต้องปรับตัวตามให้ทัน
นายเศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ ที่ปรึกษาด้านการเงิน และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด ผู้ให้บริการวางแผนการเงิน และการขยายระบบแฟรนไชส์ ให้ความคิดว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลูกค้ามีความทันสมัยและมีเครื่องมือมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องรองรับการเก็บข้อมูล ส่วนซัพพลายเออร์เอง ก็ต้องจัดหาเทคโนโลยีเพื่อที่จะรองรับการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำ อย่างไรก็ตามการขยายตัวที่เร็วเกินไปก็เป็นความเสี่ยงด้วย ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมและวางแผนให้รัดกุม ต้องดูต้นทุน การจัดการ การลงทุน และ ทรัพย์สิน ให้มีความสมดุล ในด้านการลงทุน สำหรับปี 2560 นี้ ดอกเบี้ยไม่น่าจะปรับสูงขึ้น ซึ่งภาครัฐคงจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาควบคุม รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนไว้รองรับ ในแง่ของการลงทุนทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปัจจุบันเป็นการลงทุนที่ไม่มาก เนื่องจากมีระบบคลาวด์ มีระบบการจ่ายเมื่อใช้งาน นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น ที่จะเข้ามาช่วยให้การบริหารงานมีความรวดเร็วมากขึ้น สำหรับธุรกิจออนไลน์ การเกิดขึ้นของ FINTECH ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การทำธุรกิจทางการเงินมีความสะดวกรวดเร็ว มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลงมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่ ทนพ.สิโรเวฐณ์ ลิมปิวรรณ ที่ปรึกษาธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ มีความคิดเห็นดังนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโลกและประเทศ ถึงความสามารถในการแข่งขันของไทยว่า อุตสาหกรรมใดที่จะสามารถสร้างมูลค่าได้มากในอนาคต ปัจจุบันโกบอลไลซ์ทำให้การแข่งขันสูงในธุรกิจสูงขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจะต้องทำคือ ต้องเร่งการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาต่อยอด โดยภาครัฐต้องให้การสนับสนุนสร้างปัจจัยพื้นฐานที่จะนำมาใช้เพื่อการต่อยอด รัฐต้องร่วมมือกับเอกชน ภาคเอกชนเมื่อได้รับโอกาสในการต่อยอดแล้ว ก็ต้องเร่งสร้างเครือข่ายเพื่อที่ก้าวไปสู่จุดหมาย
'การแพทย์'เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมของโลกที่มีการเติบโตมาก ปัจจุบันคนมีอายุยืนมากขึ้น แต่โรคต่างๆ ก็มีความซับซ้อนขึ้นด้วยเช่นกัน ในขณะที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก็มีการพัฒนาไปได้เร็ว แต่ประเทศไทย ก็มีความได้เปรียบมีชื่อเสียงทางการแพทย์เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายทั้งในด้านการรักษาและการบริการ แต่สิ่งที่ยังขาดคือการพัฒนาในเรื่องเครื่องมือแพทย์ ซึ่งปัจจุบันต้องนำเข้าเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ กว่า 90% แต่ก็ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพียงแต่เทคโนโลยีที่มีอยู่ยังพัฒนาไม่ถึงขั้น และยังมีงานวิจัยที่ยังไม่ได้นำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์อีกมาก
ปัจจุบันเป็นยุคของการสื่อสาร ยุคของโรบอท ซึ่งมีราคาถูกลง จึงมีส่วนเสริมให้การทำงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ สามารถทำให้เกิดเป็นจริงได้ง่ายขึ้น และมีความคุ้มค่าที่จะลงทุน และเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภาคเอกชนหลาย ๆ ส่วนจะเข้ามาในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ : 097-715-9251-4 สายตรง ดร.วิริยะ ลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรฯ 097-715-9255
E mail : [email protected] , LINE ID : @PBCi www.facebook.com/pbci และ www.ThaiConsult.org