- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 11 November 2016 08:31
- Hits: 2084
สมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) เผยทิศทางดำเนินงาน รุกตลาดอินเตอร์ ตอบรับนโยบายรัฐ ผลักดันไทยผงาดสู่ที่หนึ่งใน AEC
โฟกัสนักท่องเที่ยว ขยายฐานธุรกิจสู่ตลาดอินเตอร์ เพิ่มรายได้เข้าประเทศ พัฒนาโครงการต่อเนื่อง เพิ่มพื้นที่ Retail GFA ของศูนย์การค้าในกลุ่มสมาชิกเป็นกว่า 8 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2560 ด้วยงบลงทุนรวมกันกว่า 70,000 ล้านบาท ตอบรับนโยบายรัฐทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว และหนุน SMEs ไทยผงาดใน AEC เดินหน้าผลักดันนโยบายลดภาษีสินค้าลักชัวรี่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA นำโดย นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคม ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์การค้ารายใหญ่ของไทยทั้งหมด 10 ราย ประกอบด้วย บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) เดอะมอลล์กรุ๊ป บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด บริษัท สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จัดแถลงข่าวประจำปี 2559 เผยทิศทางการดำเนินงานในระยะ 3 ปีเดินหน้าพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยว และพัฒนาเอ็สเอ็มอีไทย อีกทั้งมุ่งมั่นผลักดันนโยบายลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยในการแข่งขันบนเวทีการค้าระดับภูมิภาค หวังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่จุดหมายการเป็นเดสติเนชั่นด้านการช้อปปิ้ง และไลฟ์สไตล์ ที่ดีที่สุดในอาเซียน
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นต่อวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นที่หนึ่งในอาเซียน และเป็นเดสติเนชั่นด้านช้อปปิ้ง และ ไลฟ์สไตล์ ที่ดีที่สุดในภูมิภาคเทียบชั้นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง ฮ่องกง และ สิงคโปร์ โดยกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มสมาชิกผู้ประกอบการศูนย์การค้าไทย ในระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559 – 2560 ให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล โฟกัสที่กลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทสำคัญต่อรายได้ของประเทศและมีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยจากข้อมูลของกรมการท่องเที่ยว ปี 2558 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยมากถึงเกือบ 30 ล้านคน เติบโตเพิ่มจากปี2557 ถึง 20.44% และทำรายได้ทะลุเป้าสูงถึง 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดตลาดเออีซีอย่างเต็มรูปแบบ มีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกจะหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มอีกอย่างมหาศาล ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอันเข้มข้นยิ่งขึ้นระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน เราจึงต้องเร่งเครื่องพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าให้มีความโดดเด่น เพื่อสร้างจุดแข็งให้ประเทศไทย สามารถแข่งขันบนเวทีการค้าระดับภูมิภาค และระดับโลก
สมาชิกผู้ประกอบการศูนย์การค้า ต่างก็ร่วมกันทุ่มเม็ดเงินลงทุน พัฒนาทั้งโครงการใหม่ระดับเมกะโปรเจ็กต์
ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์ โครงการรีโนเวชั่น และโครงการขยายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง ภูเก็ต พัทยา และขยายไปสู่หัวเมืองที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญในยุค AEC อาทิ ระยอง นครศรีธรรมราช โคราช และขอนแก่น เป็นต้น โดยหวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ ส่งเสริมให้ประเทศไทยมีแหล่งช้อปปิ้งและศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในภูมิภาค นำพาประเทศไทยผงาดสู่การเป็นที่หนึ่งของอาเซียนได้อย่างภาคภูมิ”
ปัจจุบัน ศูนย์การค้าในประเทศไทยมีพื้นที่ Retail GFA รวมทั้งหมดกว่า 18 ล้านตร.ม. โดยมีพื้นที่ Retail GFA ของศูนย์การค้าในกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ รวมกันกว่า 7.6 ล้านตารางเมตร จาก 91 ศูนย์การค้า คิดเป็น 42% ของพื้นที่ Retail GFA ของศูนย์การค้าในประเทศไทยทั้งหมด โดยปีนี้คาดว่าอัตราเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5%
ภายในปี 2560 ศูนย์การค้าในประเทศไทยจะมีพื้นที่ Retail GFA เพิ่มขึ้นเป็น 18.7 ล้านตร.ม. โดยเป็นพื้นที่ของสมาชิกสมาคม 8 ล้าน ตรม. ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกันกว่า 70,000 ล้านบาท
นางสาววัลยา กล่าวอีกว่า “นอกจากนี้ ในฐานะผู้ประกอบการรายใหญ่ สมาชิกผู้ประกอบการศูนย์การค้าทุกท่าน ยังพร้อมใจกันตอบรับนโยบายภาครัฐทั้งด้านการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย และการส่งเสริมเอ็สเอ็มอีไทย อาทิ การจัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ที่ไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาล พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์แคมเปญสำคัญของรัฐ พร้อมทั้งสนับสนุนเอ็สเอ็มอีไทยในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ การสนับสนุนพื้นที่เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย การจัดงานส่งเสริมสินค้าไทย และการจัดอบรมให้ความรู้คำแนะนำแนวทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาส และพัฒนาขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการ SMEs พร้อมรับมือกับการแข่งขันในยุค AEC ล่าสุดสมาคมฯ ได้เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในงาน RetailEX ASEAN 2016 ซึ่งเป็นเวทีการค้าระดับภูมิภาคที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการค้าปลีกได้ขยายสู่ตลาดอาเซียน โดยงานนี้สมาคมฯ ได้ร่วมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจในยุคปัจจุบัน ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และชี้นำแนวทางธุรกิจในยุค AEC ให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกและผู้ที่สนใจทั่วไป
และภารกิจสำคัญของสมาคมฯในขณะนี้ คือการผลักดันนโยบายลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยล่าสุด ทางสมาคมฯ ได้มีการเข้าพบหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงการคลัง และกระทรวงพานิชย์ เพื่อหารือ และผลักดันให้เกิดนโยบายนี้ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถให้ประเทศไทยเทียบชั้น เดสติเนชั่นระดับโลกอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ ได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้ ให้ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย” นางสาววัลยา กล่าวสรุป