- Details
- Category: การตลาด
- Published: Monday, 17 October 2016 12:14
- Hits: 2030
Seiei ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นระดับพรีเมี่ยมจากธรรมชาติ 100% ทุ่ม 10 ล้าน ลุยตลาดหวังส่วนแบ่งตลาด 20% กวาดยอดขายเพิ่มกว่า 200%
'สตาร์ มาวิณ' ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท บุกตลาดโค้งสุดท้ายของปี 59 ลุยต่อตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น วางช่องทางการตลาดให้ครอบคลุม พร้อมปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่แบบขวดปั๊มโฟม สะดวกต่อการใช้งาน ตามกระแสเรียกร้องของผู้ใช้ หลังยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 200% หวังอีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งตลาด 20 % หรือ 110 ล้านบาท จากมูลค่าตลาด 500 ล้านบาท
นางสาวสุธิศา พุกกะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มาวิณ จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น “Seiei” (เซย์อิ) ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท สตาร์ มาวิณ จำกัด เกิดจากความคลุกคลีในแวดวงบันเทิง และความงามมาอย่างยาวนาน ประกอบกับมีหุ้นส่วนที่มีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ความงามที่เน้นส่วนผสมหลักมาจากธรรมชาติ จึงได้นำความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาประยุกต์พัฒนาและวิจัยจนเกิดมาเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นระดับพรีเมี่ยม’Seiei’ (เซย์อิ) สำหรับคุณสุภาพบุรุษ และคุณสุภาพสตรี ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติคุณภาพสูง ยกระดับความสะอาดสมบูรณ์แบบ ได้มากกว่าแค่ความสะอาด กับส่วนผสมที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ปลอดภัย ให้ค่า pH ที่สมดุลกับจุดซ่อนเร้น ไม่มีสารตกค้าง สามารถใช้ได้ทุกวัน
Seiei (เซย์อิ) มีด้วยกัน 2 สูตร บรรจุภัณฑ์แบบซองซาเช่ขนาด 10 มิลลิลิตร ใช้ได้ประมาณ 3 - 5 ครั้ง เหมาะแก่การพกพา ทุกซองมีฝาเกรียวปิดไม่ทำให้น้ำยาไหลเลอะเทอะ สูตรสำหรับสุภาพสตรี มีส่วนผสมหลักจาก Lactobacillus มอบประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพ และ Yogurt Extract ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน พร้อมมอบความชุ่มชื้น สัมผัสอ่อนนุ่ม และสูตรสำหรับคุณสุภาพบุรุษ ด้วยส่วนผสมจาก Peony Extract มอบประสิทธิภาพในการต้านเชื้อแบคทีเรีย หมดกังวลเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างวัน รวมไปถึง Hyaluronic Acid มอบความชุ่มชื้นได้อย่างอ่อนโยน ไม่ทิ้งความแห้งกร้านหลังใช้ และ Cocamidoproply Betaine สารสกัดจากน้ำมันมะพร้าวที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดอย่างถึงขีดสุด
ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา Seiei มีวางจำหน่ายที่ Tops Supermarket 143 สาขา รวมไปถึงร้านขายยา Fascino และได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจ มีลูกค้าซื้อไปทดลองและกลับมาซื้อซ้ำ เพราะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ไม่ระคายเคือง จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ส่งผลให้มีการสอบถามถึงการช่องทางจำหน่าย และขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ขึ้น ทางบริษัทจึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยงบลงทุนประมาน 8 - 10 ล้านบาท พัฒนาให้เป็นแบบขวดปั๊มโฟม ขนาดบรรจุ 175 มิลลิลิตร เพื่อการใช้งานได้ในทุกวัน ซึ่งจะมีการวางจำหน่ายประมาณสิ้นปี
“ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคในกลุ่มนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เรียกกลุ่มลูกค้านี้ว่า กลุ่ม Hygieneration ซึ่งบริโภคกลุ่มนี้จะชอบศึกษา ค้นคว้า และเลือกใช้สินค้าที่ดี อาจจะผู้ที่เคยใช้ชีวิตอย่างหนัก อาทิ Working Men and Women ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุ่มเทให้กับงาน จนมาถึงจุดที่ชีวิต ต้องกลับมาดูแลตัวเอง เพื่อความสดใสและสุขภาพที่ดี” คุณสุธิศา กล่าว
คุณสุธิศา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้บริษัทได้จัดโปรโมชั่นร่วมกับคู่ค้า อาทิ ซื้อ 2 ชิ้นในราคาพิเศษ เพื่อเป็นการกระตุ้นลูกค้ากลุ่มใหม่ ได้ลองซื้อใช้ ซึ่งเราเชื่อว่าหากลูกค้าได้ทดลองก็จะรู้สึกถึงความแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป พร้อมวางแผนช่องทางการตลาดไว้ ดังนี้
1. เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายให้มากยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของ Supermarket, ร้านขายยา , ยา ร้านสะดวกซื้อรายย่อย และ Personal Care Store เพื่อให้หาซื้อได้ง่ายขึ้น
2. เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ทั้งออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์
3. ทำการตลาด HYGIENERATION Marketing ( Hygiene + New Gen ) เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยการรณรงค์ให้ความรู้ในมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นวัยแรกสาวและเป็นวัยเรียนรู้ ที่จะดูแลตัวเอง อาทิ จัดแคมเปญประกวดคลิปวิดีโอการดูแลสุขอนามัยเฉพาะจุด, แจกตัวอย่างทดลองในมหาวิทยาลัย พร้อมจัดทำเอกสารให้ความรู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อความเข้าใจด้านสุขอนามัยเฉพาะจุด
4. จัดงานเปิดตัวสินค้าและแคมเปญกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
5. เพิ่มขนาดใหม่ รวมทั้งวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มาจากธรรมชาติกลุ่มใหม่เข้าสู่ตลาด เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าตามอายุและวัตถุประสงค์ของการใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น ที่ต่างกัน
ปัจจุบันมูลค่าตลาดโดยรวมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นในประเทศไทย มีอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมาและสำหรับสิ้นปี 2559 คาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 10% ซึ่งถือว่าเติบโตน้อยลงกว่าที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ซบเซาลง อยู่ที่ราวๆ 550 ล้านบาท โดยทาง “ Seiei “ คาดหวังที่จะได้ส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 20 % หรือ 110 ล้านบาทในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตั้งแต่สินค้าวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ยอดขายในช่วงเดือนเมษายนจนถึงปัจจุบันมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยต่อเดือนที่ 200% คุณสุธิศา กล่าวปิดท้าย