- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 21 August 2016 10:04
- Hits: 2916
'บิ๊กตู่' เปิดตัว OTOP ไทย จากท้องถิ่น บินสู่ท้องฟ้า
ณ อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน “OTOP ไทย จากท้องถิ่นบินสู่ท้องฟ้า”หนุนผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา นำคุณค่าความเป็นไทยสู่สากล โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า OTOP ขึ้นเครื่องบิน เกิดจากดำริของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาคนไทยได้รับการพัฒนา และมีช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ทุกระดับ จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการคัดเลือกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP จนสามารถนำขึ้นจำหน่ายบนเครื่องบิน และช่องทางอื่นๆ รวม 3 ช่องทาง ได้แก่
1. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำ OTOP แคตตาล็อก จัดวางบนเครื่องบินของการบินไทยทุกเที่ยวบิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถสั่งซื้อสินค้า OTOP ผ่าน OTOP แคตตาล็อก ดังกล่าว ที่ บริษัท มอลล์ (ประเทศไทย) ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนจัดพิมพ์ข้อมูลพร้อมภาพถ่ายสินค้าทั้ง 128 รายการ เพียงผู้โดยสารใช้ Smart Phone สแกน QR Code ที่ปรากฏบนแคตตาล็อก ก็สามารถทำรายการสั่งซื้อบนโทรศัพท์ได้เลย และสามารถรับสินค้าที่สนามบิน หรือให้บริการจัดส่งถึงบ้านก็ได้
2. จำหน่ายผ่านระบบ E Commerce โดยค้นหาได้ที่ www.thailandmall.com มีบริการจัดส่งถึงที่
3. วางจำหน่ายในบูธ 'ศาลาไทย' ร้านค้าปลอดภาษี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนี้ ได้มีการจัดทำวีดีทัศน์เป็นภาพยนตร์สั้นนำเสนอเรื่องราว OTOP ภูมิปัญญาของคนไทย เพื่อจัดฉายบนเครื่องบินการบินไทยให้ผู้โดยสารได้ชม โดยจัดทำ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย จีน และอังกฤษ
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการครั้งนี้มุ่งหวังเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กว้างออกไป จะทำให้สินค้า OTOP ประชารัฐมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็ง และที่จะได้มากกว่าเรื่องของรายได้ก็คือ ชื่อเสียงประเทศไทยที่ถูกถ่ายทอดผ่านผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาของคนไทยที่เผยแพร่ไปทั่วโลกที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นได้รู้ว่าประเทศไทยมีดีๆ อีกมากมายให้ค้นหา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรจะได้ร่วมกันภาคภูมิใจ
ในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน ระหว่าง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไทยแลนด์ มอลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
สรรเสริญ เผยโอท๊อปขึ้นเครื่องฉลุย ตั้งเป้ารายได้ 10 ลบ.ต่อปี แนะผู้ประกอบการปรับตัวเพิ่มมูลค่าสินค้า
พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยอดขายสินค้าโอท็อปบนสายการบินไทยช่วงทดลองวางแคตตาล็อก ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น เพียงเดือนเดียวมีรายได้กว่า 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยรัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้จากการขายสินค้าโอท็อปบนเครื่องบินปีละ 10 ล้านบาท
ท่านนายกฯ ภูมิใจที่สินค้าชุมชนไทยก้าวสู่ระดับสากล โดยแคตตาล็อกสินค้า 128 รายการ ที่วางอยู่ทุกที่นั่งของสายการบินไทย 150 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นแคตตาล็อกสินค้าชุมชนที่วางบนเครื่องบินครั้งแรกของโลก เริ่มต้นจากสินค้าที่มีความนิยมสูง เช่น เครื่องประดับ ผ้าไทย กระเป๋า เครื่องเบญจรงค์ ฯลฯ จากนั้นจะคัดเลือกสินค้าในเฟส 2 หมุนเวียนจำหน่ายไม่ซ้ำกันสินค้าแต่ละชนิดมีความสวยงาม ด้วยเอกลักษณ์แบบไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม เพียงสแกน QR CODE ในแคตตาล็อก และรับสินค้าได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือจะเลือกรับบริการจัดส่งถึงบ้านก็ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าสิ่งนี้เป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย เป็นการช่วยสานฝันของผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีแรงใจในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ โดยฝากแนะผู้ประกอบการให้รู้จักปรับตัวตามกระแสโลก ผลิตและพัฒนาสินค้าแบบใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการแต่ยังหาซื้อไม่ได้ (Unmet Demand) เช่น ขนมปังแครกเกอร์จากข้าวหอมมะลิไทย วอลเปเปอร์จากผ้าไหมไทย ฯลฯ
"ผู้ประกอบการท้องถิ่น และภาคเอกชนจะต้องร่วมกันทำงาน และนำเทคโนโลยีนวัตกรรม หรือองค์ความรู้ที่ก้าวหน้ามาใช้ โดยภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งหากพัฒนาสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์ และตรงกับความต้องการของลูกค้า ก็จะช่วยเพิ่มการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดด 30-40%"พลตรีสรรเสริญกล่าว
นอกจากนี้ ขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชนว่า อย่าลืมไปใช้สิทธิจับจ่ายซื้อสินค้าโอท็อป เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยซื้อจากร้านค้าทั่วประเทศที่ผ่านการรับรองและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้จนถึง 31 ส.ค.นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล
อินโฟเควสท์
OTOP ขึ้นเครื่องบิน...จากภูมิปัญญาไทยสู่สากล
บ้านเมือง : วันที่ 18 ส.ค. ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน "OTOP ไทย จากท้องถิ่นบินสู่ท้องฟ้า" โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และคณะผู้บริหารบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมพิธี
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวรายงานว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า OTOP ขึ้นเครื่องบิน เกิดจากดำริของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาคนไทยได้รับการพัฒนา และมีช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ทุกระดับ จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการคัดเลือกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP จนสามารถนำขึ้นจำหน่ายบนเครื่องบิน และช่องทางอื่นๆ รวม 3 ช่องทาง ได้แก่
1.บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำ OTOP แคตตาล็อก จัดวางบนเครื่องบินของการบินไทยทุกเที่ยวบิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถสั่งซื้อสินค้า OTOP ผ่าน OTOP แคตตาล็อก ดังกล่าว ที่บริษัท มอลล์(ประเทศไทย) ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนจัดพิมพ์ข้อมูลพร้อมภาพถ่ายสินค้าทั้ง 128 รายการ เพียงผู้โดยสารใช้ Smart Phone สแกน QR Code ที่ปรากฏบนแคตตาล็อก ก็สามารถทำรายการสั่งซื้อบนโทรศัพท์ได้เลย และสามารถรับสินค้าที่สนามบิน หรือให้บริการจัดส่งถึงบ้านก็ได้ 2.จำหน่ายผ่านระบบ E Commerce โดยค้นหาได้ที่ www. thailandmall.com มีบริการจัดส่งถึงที่ และ3.วางจำหน่ายในบูธ "ศาลาไทย" ร้านค้าปลอดภาษี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ ได้มีการจัดทำวีดีทัศน์เป็นภาพยนตร์สั้นนำเสนอเรื่องราว OTOP ภูมิปัญญาของคนไทย เพื่อจัดฉายบนเครื่องบินการบินไทยให้ผู้โดยสารได้ชม โดยจัดทำ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย จีน และอังกฤษ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้มุ่งหวังเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กว้างออกไป จะทำให้สินค้า OTOP ประชารัฐมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็ง และที่จะได้มากกว่าเรื่องของรายได้ก็คือ ชื่อเสียงประเทศไทยที่ถูกถ่ายทอดผ่านผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาของคนไทยที่เผยแพร่ไปทั่วโลกที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นได้รู้ว่าประเทศไทยมีดีๆ อีกมากมายให้ค้นหา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรจะได้ร่วมกันภาคภูมิใจ
ในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ประชารัฐเพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน ระหว่าง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไทยแลนด์ มอลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า "รัฐบาลทุกคนยืนยันว่าต้องให้ประเทศเดินหน้า ต้องการให้การบินไทยเจริญเติบโต ไม่ได้มุ่งหวังที่จะเข้ามายึดอำนาจทุกเรื่อง ผมต้องการอำนาจในการบริหารเท่านั้น แต่อำนาจในการที่จะทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนได้บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องเร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงาน ต้องขอบคุณพนักงานการบินไทยทุกระดับ เพราะได้เห็นรอยยิ้มของพวกท่านตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ขอบคุณน้ำใจที่ทุกคนมอบให้ ซึ่งผมพร้อมที่จะให้ไมตรีกับทุกคนอยู่แล้ว สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาอยู่บ้าง แต่การที่ได้ฟื้นฟูตลอดสองปีที่ผ่านมาก็ขอชมที่ยังเป็นไปตามแผนงาน ซึ่งผมจะไม่เข้าไปก้าวล่วงแต่ขอให้ทำให้ดี สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขายจากท้องถิ่นสู่ท้องฟ้า อยากให้ต่อยอดการขายสู่ท้องน้ำหรือการขายในเรือด้วย และฝากให้ช่วยกันพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์อย่าไปพูดในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นี่คือสตอรี่ที่เราจะต้องสร้างเหมือนที่รัฐบาลนี้กำลังสร้างหนังใหญ่เรื่องการปฏิรูปประเทศ ซึ่งการปฏิรูปประเทศต้องมาจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นอนาคตประเทศที่แฮปปี้เอนดิ้ง ไม่ใช่เป็นหนังสะเทือนขวัญ สะเทือนใจวันหน้าไม่เอา ไม่มีโอกาสอีกแล้วทุกเรื่อง ซึ่งหลายอย่างกำลังเดินหน้า บางอย่างก็ช้า ปัญหาอย่างหนึ่งคือเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน มีจิตใจที่ตอบแทนให้กันและกันด้วยความเสียสละ ไม่ใช่เพื่อตน ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อ คสช. ทำเพื่อแผ่นดินของท่านเอง แผ่นดิน ผืนฟ้าและผืนน้ำเป็นของคนไทยทุกคน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงสอนเสมอว่าคนเราหากไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็จะไม่รู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน จะไม่รู้ว่าจะรักประเทศชาติได้อย่างไร เพราะความรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศจะไม่มี ดังนั้นเราต้องสร้างคนที่มีคุณธรรม สร้างองค์กรที่มีจริยธรรมและสร้างความเป็นหุ้นส่วนความเป็นเจ้าของให้พนักงานทุกคนในองค์กร ต้องขอบคุณผู้ที่จัดงานวันนี้ต้องใช้คำว่าเป็นโอท็อปประชารัฐ ตนไม่ได้ไปรื้อโอท็อปออกเพราะโอท็อปก็คือโอท็อป แต่เป็นโอท็อปประชารัฐ นั่นคือการที่ทุกคนมีส่วนร่วม