- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 31 July 2016 22:51
- Hits: 5714
ไทยขึ้นแท่นลงทุนเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮมสู่คาดการณ์ 5 ปี ตลาดสมาร์ทโฮมโตเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์สมาร์ทซิตี้และโฮมออโตเมชั่นครองแชมป์หนุนการเติบโต
เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า และเวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี.เผยตลาดเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยหรือซิเคียวริตี้ เทคโนโลยี(Security Technology)ของประเทศไทยมีมูลค่าสูงสุดในอาเซียนโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายสมาร์ทซิตี้และการขยายโครงข่ายสาธารณูปโภคของภาครัฐตลอดจนการขยายการลงทุนของภาคอส้งหาริมทรัพย์ โรงแรม ห้างสรรพสินค้าด้านตลาดสมาร์ทโฮม (Smart Home) คาดการณ์ 5 ปี เติบโตเฉลี่ย 40เปอร์เซ็นต์ โดยโซลูชั่นด้านโฮมออโตเมชั่นครองแชมป์สัดส่วนสูงสุดในขณะที่สังคมผู้สูงอายุจะผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุเติบโต ถึง 60 เปอร์เซ็นต์และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยจะเติบโต 45 เปอร์เซ็นต์
นายศิระพัฒน์ เกตุธาร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์เด็กซ์จี.อี.ซี. จำกัดกล่าวว่า “ในปี 2558 ตลาดกล้องวงจรปิดของไทยมีมูลค่ากว่า115.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือกว่า 4,000 ล้านบาท) หรือเติบโตประมาณ 15เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในอาเซียนโดยมีปัจจัยผลักดันจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงเทพฯและการพัฒนาปรับปรุงสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิของภาครัฐซึ่งทำให้มีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น และการลงทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและห้างสรรพสินค้า ที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งเหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทำให้มีความกังวลและเพิ่มความเข้มงวดด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น”
ตลาดผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยของโลกในปี 2558 มีมูลค่า65.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะโตถึง 105.3พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปี ในขณะที่ตลาดในภูมิภาคเอเชียในปี 2558มีมูลค่า 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในอาเซียนมีมูลค่าตลาดรวม 1.5พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับ แนวโน้มของตลาด คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีวิชวลไลเซชัน (Visualization) หรือการมองเห็นภาพ และเกิดความร่วมมือกัน (Collaboration)ของเจ้าของเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้นเพื่อให้เกิดสมาร์ทซิตี้และผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยจะเป็นส่วนสำคัญระหว่างความร่วมมือดังกล่าว นอกจากนี้การใช้กล้องวงจรปิดอัจฉริยะจะไม่เป็นแค่เพื่อการสอดส่องดูแลรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่โรงแรม ห้างสรรพสินค้าและองค์กรธุรกิจต่างๆยังจะนำข้อมูลของลูกค้าที่บันทึกไว้ในกล้องมาประมวลผลเพื่อวางแผนการตลาดอีกด้วย
ในด้านตลาดผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมของประเทศไทยในปี 2559คาดว่าจะมีมูลค่า 645 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นถึง 2,500 ล้านบาท ในปี 2563หรือเติบโตเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยผลิตภัณฑ์โฮมออโตเมชั่นครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในแง่ของอัตราการเติบโตในอีก 5 ปี พบว่าผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุจะเติบโตสูงสุดถึง 60เปอร์เซ็นต์และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยจะมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับที่สองที่ 45 เปอร์เซ็นต์
“แนวโน้มของผู้บริโภคหรือผู้อยู่อาศัยที่ต้องการติดตั้งผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมจะเปลี่ยนจากการซื้ออุปกรณ์ไปติดตั้งเองทีละชิ้นหรือที่เรียกว่าอุปกรณ์ DIYไปเป็นการวางแผนเพื่อการติดตั้งระบบต่างๆให้ทำงานประสานกันโดยอัตโนมัติเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยสูงสุดและรัดกุมยิ่งขึ้นกว่าการติดตั้งอุปกรณ์ทีละชิ้นแยกกันและเทรนด์ของการใช้สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยประกอบด้วย 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่ การติดตั้งเพื่อการรักษาความปลอดภัย
การสอดส่องดูแลความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่อยู่บ้านลำพังการใช้หลอดไฟอัจฉริยะที่เป็นกล้องและลำโพงในตัวการสอดส่องดูแลความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง และการติดตั้ง Smart front door เพื่อให้ผู้อยู่ในบ้านเห็นหน้าของแขกที่มารอที่ประตูหน้าบ้านโดยที่ยังไม่ต้องเดินออกไปที่ประตู” นายศิระพัฒน์ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าในอนาคตผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมจะมีราคาถูกลงและควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟนเนื่องจากการประยุกต์ใช้ Internet of Things (IoT) กับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม อาทิ หลอดไฟอัจฉริยะ หรือ กล้องวงจรปิดที่ใช้กับที่อยู่อาศัยซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคในระดับกลางก็สามารถติดตั้งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้
เตรียมจัดงานสัมมนานานาชาติและแสดงเทคโนโลยี GDSF Thailand 2016หรือ Global Digital Security & Solutions Forum และ SMAhome Thailand2016 by Secutech
จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดดังกล่าว เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ตนิว เอร่าบิสิเนส มีเดียหนึ่งในผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกและผู้จัดงานSecutech จึงได้ร่วมกับ เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี.เตรียมจัดงานแสดงสินค้าด้านการรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮมควบคู่กับงานสัมมนานานาชาติด้านเทคโนโลยีพร้อมกันสองงาน ได้แก่ GDSF Thailand2016 หรือ Global Digital Security & Solutions Forum และ SMAhomeThailand 2016โดย Secutechระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2559 ณ ไบเทคบางนา
ภายในงาน ประกอบด้วยการจัดสัมมนา 3งานสำคัญเพื่อสนับสนุนธุรกิจอาคารสูง โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจค้าปลีกการบริหารเมืองของภาครัฐ และธุรกิจสมาร์ทโฮม ในหัวข้อ 1)
แนวคิดใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัยอาคารสูงและโครงการอสังหาริมทรัพย์2) บริหารเมืองและชุมชนอย่างไรให้เป็นเซฟซิตี้ และ 3) การออกแบบแสงพลังงานแสงอาทิตย์การรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮมเพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยวิทยากรและมืออาชีพแถวหน้าของไทย
นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาเชิงเทคโนโลยีโดยผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกในประเด็นต่างๆ อาทิ แนวคิดใหม่ของการใช้ IoT ในระบบรักษาความปลอดภัยแนวโน้มการใช้วิดีโอสำหรับสมาร์ทซิตี้เทรนด์ การใช้ Big Dataและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อการควบคุมบ้านอัจฉริยะ เป็นต้น
งาน GDSF Thailand 2016 และงาน SMAhome Thailand 2016 bySecutechเหมาะสำหรับนักธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮมนักพัฒนา ผู้ผลิต ผู้ติดตั้ง เจ้าของธุรกิจ วิศวกร สถาปนิก นักออกแบบรวมทั้งกลุ่มผู้ใช้งานในหน่วยงานภาครัฐ นักลงทุน เจ้าของกิจการขนาดใหญ่องค์กรคมนาคมขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ค้าปลีก โรงแรมและธนาคาร โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สมาคมรักษาความปลอดภัยภาคพื้นเอเชียสมาคมผู้ประกอบการระบบรักษาความปลอดภัยไทย และสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่เว็บไซต์www.thailandsmartech..com หรือติดต่อบริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี.จำกัดโทรศัพท์: 02 664 6488 ต่อ 401และ 405 โทรสาร: 02-641- 5480,82อีเมล์: [email protected]
© 2016 PricewaterhouseCoopers. All rights reserved.