- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 08 May 2016 15:26
- Hits: 6870
'เอสเซนโซ่' กาแฟไมโครกราวด์ บุกตลาด 2in1 ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า
บ้านเมือง : 'เอสเซนโซ่' กาแฟไมโครกราวด์ บุกตลาด 3in1 และ 2in1 ปีแรกหวังสร้างแบรนด์เป็นที่จดจำ หลังจากนั้นตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยดึงตลาดกาแฟปรุงสำเร็จชนิด 2 อิน 1 เป็นเจ้าแรก เข้าช่วยรักษาฐานตลาดกาแฟรวมที่ 15-18% จากมูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายปีเตอร์ ตัน กรรมการบริหาร บริษัท เอส ซี เอ็ม แอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย "เอสเซนโซ่" กาแฟไมโครกราวด์ เปิดเผยว่า กาแฟนับเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในทวีปเอเชีย ซึ่งพบว่าปริมาณการดื่มกาแฟในตลาดการค้าหลักของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศไทย พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน มีเพิ่มขึ้นมานานกว่า 5 ปีแล้ว
แม้ว่า สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเผชิญกับความผันผวนอยู่บ้างก็ตาม ตัวอย่างเช่น ระหว่างปี พ.ศ.2554-2558 ความต้องการบริโภคกาแฟในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยละ 7 เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยในปี พ.ศ.2558 มีปริมาณการบริโภคมากถึง 175,000 เมตริกตัน ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงเป็นตลาดกาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ.2558
ด้วยเหตุที่บริษัทเป็นผู้บุกเบิกตลาดกาแฟปรุงสำเร็จ จึงคิดริเริ่ม "เอสเซนโซ่" กาแฟไมโครกราวด์ เข้าตีตลาดกาแฟและให้มีทางเลือกกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "เอสเซนโซ่" กาแฟไมโครกราวด์ เป็นการนำเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ มาบดละเอียดด้วยความเร็วต่ำ ในห้องที่ปราศจากออกซิเจนและมีอุณหภูมิต่ำมาก เพื่อคงไว้ซึ่งน้ำมันตามธรรมชาติอยู่ในเมล็ดกาแฟ มีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นกรดต่ำและรสชาติกาแฟที่เข้มข้นละลายน้ำได้ง่าย
โดยออกมาเป็น 2 แบบ ได้แก่ กาแฟเอสเซนโซ่ชนิด 3 อิน 1 ประกอบด้วย กาแฟไมโครกราวด์ น้ำตาลและครีมเทียม และ กาแฟเอสเซนโซ่ชนิด 2 อิน 1 ประกอบด้วย กาแฟไมโครกราวด์ ผสมครีมเทียม ชนิด 2 อิน 1 จนถึงเวลานี้ยังไม่มีสินค้าประเภทนี้วางจำหน่ายในท้องตลาด มีเพียงตราสินค้า "เอสเซนโซ่" ของบริษัท แต่เพียงผู้เดียวที่วางจำหน่ายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตประเทศไทยและหวังครองใจกลุ่มลูกค้าที่มีฐานะดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดการ ผู้บริหารและนักธุรกิจ (PMEBs) ที่มีอายุระหว่าง 25-40 ปี อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล
ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในรูปแบบกาแฟไมโครกราวด์ ผนวกกับการบุกเบิกตลาดกาแฟปรุงสำเร็จชนิด 2 อิน 1 จะทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดรวมกาแฟปรุงสำเร็จ ได้ประมาณ 15-18% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 17,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การสร้างตราสินค้า นวัตกรรมใหม่ๆและความหลากหลายของสินค้า จะเป็นหนทางนำพาบริษัทฯ ไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมกาแฟปรุงสำเร็จ ด้วยการนำเสนอกาแฟไมโครกราวด์ ที่ช่วยสร้างความแตกต่างไปจากกาแฟปรุงสำเร็จตราสินค้าอื่น
โดยตั้งเป้าหมายปีแรกของการเปิดตัวให้เป็นปีของการสร้างแบรนด์ จากนั้นอีก 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้ายอดรายได้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยวางแผนการตลาดปีแรก ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท แยกเป็นงบการตลาด 70% และงบกิจกรรมทดลองชิมสินค้า 15% ส่วนงบที่เหลืออีก 15% ใช้ในด้านการส่งเสริมการขายและด้านตลาดการค้าอื่นๆ ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ โดยจะเริ่มที่ประเทศจีนต่อจากประเทศไทย ในไตรมาส 3 ของปีนี้