WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OISHIจตเกษม หมมงโออิชิ เล็งเทกโอเวอร์ธุรกิจ

   ไทยโพสต์ * โออิชิ ฟุ้งรายได้ไตร มาสแรกดีกว่าปีก่อน เล็งขยายธุรกิจอาหารเพิ่มเติม พร้อมบุก CLMV

   นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) คาดว่าแนวโน้มผล การดำเนินงานไตรมาส 1/59 จะดีกว่าไตรมาส 1/58 ทั้งยอดขายและกำไร จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชาเขียวเคี้ยวได้ โออิชิ องุ่นเคียวโฮ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก

     นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในธุรกิจอาหารเพิ่มเติมอีก ซึ่งมองเป็น 2 รูปแบบ คือ การเข้าร่วมลงทุน และการเข้าซื้อกิจการ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยธุรกิจอาหารยังคงเป็นอาหารญี่ปุ่นอยู่ ซึ่งหากมีการลงทุนดังกล่าว บริษัทก็มีเงินทุนเพียงพอ และมีหนี้สินต่อทุนที่ 0.8 เท่า ซึ่งยังมีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกมาก โดยที่ผ่าน มาธุรกิจอาหารมีการเปิดสาขาแบรนด์ชาบูชิ ไปแล้วจำนวน 2 สาขา ที่ประเทศพม่า และยังมีการตั้งสาขาในประเทศฮ่องกง เวียดนาม สิงคโปร์ อีกด้วย

    สำหรับ เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ บริษัทยังคงการเติบโตไว้ราว 14,000 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจอาหาร 7 พันล้านบาท และธุรกิจเครื่องดื่ม 7 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50:50 และยังคงงบลงทุนไว้ราว 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในสายการผลิตไลน์ที่ 4 ราว 950 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% รวมถึงขยายสาขาปรับปรุงสาขาเดิม 390 ล้านบาท และอื่นๆ 160 ล้านบาท

    ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากต่างประเทศภายในปี 63 จะ เพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ซึ่งจะเน้นการขยายไปยังกลุ่ม ประเทศ CLMV มากขึ้น จากเดิมมีการส่งออกไปยังประเทศลาว กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์แล้ว และในปีนี้ก็มีความสนใจที่จะขยายการส่งออกไปยังประเทศพม่า และเวียดนามเพิ่มเติม ซึ่งมองตลาดดังกล่าวถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ทำให้ปีนี้น่าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 15% ประกอบกับก็อยู่ระหว่างศึกษาในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม เช่น อินโดนีเซีย เป็นต้น

OISHI ย้ำยอดขายรวมปีนี้แตะ 1.4 หมื่นลบ. โต 9% จากปี 58 ตั้งงบลงทุน 1.48 พันลบ.ขยายกำลังผลิตชาเขียว - สาขาร้านอาหาร

   บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ได้ให้ข้อมูลในงาน Opportunity Day โดยมีมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ให้ข้อมูล โดยกล่าวย้ำว่าบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 14,000 ล้านบาท หรือเติบโต 9% จากปี 58 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เคยกล่าวไว้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมตั้งงบลงทุน1,480 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 4 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดชาเขียวและขยายสาขาร้านอาหาร  ดังนี้

    ปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ 14,000 ล้านบาท หรือเติบโต 9% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากยอดขายที่ 12,879 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นธุรกิจอาหาร 7,000 ล้านบาท และธุรกิจเครื่องดื่ม 7,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 50:50% โดยกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ คือ การเติบโต โดยใช้นวัตกรรมสินค้าเป็นตัวขับเคลื่อน

    ปีนี้บริษัททุ่มงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 4 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดชาเขียวที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกสูงมากในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งขยายสาขาธุรกิจอาหารทั้งในและต่างประเทศด้วย

   นอกจากนี้ จะเน้นความหลากหลาย ตอกย้ำความหลากหลายทุกด้าน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบุคลากร และด้านตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้านตราสินค้า เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์โออิชิ ด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการตลาดที่สร้างสรรค์  พร้อมทั้งยังเน้นการขายและกระจายสินค้า โดยใช้เครือข่ายพันธมิตรในกลุ่มไทยเบฟ ช่วยกระจายสินค้า ทั้งในและต่างประเทศ และภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร พม่า ลาว และกัมพูชา รวมถึงเน้นความเป็นมืออาชีพด้วย

    ธุรกิจอาหาร ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายรวมที่ 7,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 7% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้นที่ 6,572 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายตลาดด้วยการลงพื้นที่ขยายการให้บริการ และสาขาของร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำในเครือโออิชิให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าสมัยใหม่ ทั้งในและต่างประเทศรวม 30 สาขา จากปัจจุบันที่มี 241 สาขา โดยมีชาบูชิ นิกุยะ และร้ายอาหารญี่ปุ่นบริการด่วน คาคาชิ เป็นเรือธง

     ด้านสายงานธุรกิจเครื่องดื่มในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ 7,000 ล้านบาท หรือเติบโต 11% โดยจะรุกตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดชาเขียว โดยจัดโปรโมชั่นที่โดนใจผู้บริโภค และแคมเปญการตลาดแบบครบวงจร และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มยอดขาย เช่น แคมเปญใหม่ล่าสุดรับซัมเมอร์ปีนี้ รหัสโออิชิ กองทัพแมวเนโกะทองคำ ที่บริษัททุ่มงบ 200 ล้านบาท จัดแคมเปญ ไฮไลต์ประจำปี เพื่อดันยอดขายเติบโตขึ้น 15%

   จะขยายกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เป็นตัวขับเคลื่อน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้จะเน้นการเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยจะใช้งบประมาณถึง 25% ของงบการตลาดรวม จากเดิมที่ใช้เพียง 15% ในปีก่อน เพื่อสร้างคอนเนคชั่นกับลูกค้าวัยรุ่นด้วยกิจกรรมออนไลน์

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!