- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 20 March 2016 10:53
- Hits: 1264
'อินตัน กรุ๊ป'ส่ง'เอลิส พอลิน'บุกตลาด AEC
แนวหน้า : นางอลิสา อินทเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบรนด์ "เอลิส พอลิน" เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามในช่วง 2-3 ปีมานี้ ตลาดมีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นรายใหม่ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มของสินค้าที่สามารถครอง ส่วนแบ่งตลาดได้ จะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพโดดเด่น ใช้แล้วเห็นผล ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งตรงกับแนวคิดการสร้างแบรนด์ของเอลิส พอลิน
โดยในปี 2559 นี้คาดการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จะมีมูลค่าตลาดมากกว่า 11,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสให้บริษัทเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดอยู่มาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับของลูกค้า เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด จาก 30 ล้านบาท ในปี 2556 เป็น 60 ล้านบาท ในปี 2557 และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมา ดังนั้น ในปี 2559 นี้บริษัทจึงวางแผนกลยุทธ์การตลาด โดยการเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ทั่วถึงทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์ 6 แห่ง ที่เดอะมอลล์ ท่าพระ บางกะปิ โคราช ,ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม, โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลวิภาวดี ในปี 2559 นี้ บริษัทวางแผนเพิ่มเคาน์เตอร์อีก 2-3 แห่ง ในใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาสถานที่ และยังมีการวางจำหน่ายในร้านค้าเพื่อความงาม เช่น อีฟแอนด์บอย โอเกนกิ และลอฟท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปี 2559 บริษัทยังวางแผนเปิดรับ แฟรนไชส์เพิ่มเติมอีก 20 ราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 ราย โดยจะมุ่งเน้นหาแฟรนไชส์เพิ่มตามหัวเมืองใหญ่ ในต่างจังหวัด รวมทั้งวางแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และจีน รวมถึงดูไบ จาก ปัจจุบันที่บริษัทมีเคาน์เตอร์อยู่ในเวียงจันทน์ เซ็นเตอร์ ประเทศลาว
ส่วนในด้านของผลิตภัณฑ์นั้น ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ 14 รายการ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2 รายการ ในปี 2559 นี้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสกินแคร์เพิ่มอีก 3 รายการ ซึ่ง เมือเดือนมกราคม 2559 ได้เปิดตัวสเปรย์กันแดดไปแล้ว ทั้งนี้บริษัทวางงบการตลาดในปี 2559 ประมาณ 10% ของยอดขาย หรือประมาณ 20 ล้านบาท และตั้งเป้า ยอดขายไว้ที่ 170 ล้านบาท เติบโต 70%