WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ฟดแพชชน

บาร์บีคิวพลาซ่า เปลี่ยนชื่อเป็น'ฟู้ดแพชชั่น' ปรับโฉมองค์กรปักธงแบรนด์ที่ 1 ในใจผู้บริโภค

    บ้านเมือง : 'บาร์บีคิวพลาซ่า'เปลี่ยนชื่อเป็น ฟู้ดแพชชั่น เผยโรดแม็พ 3 ปี สู่การเป็นผู้นำธุรกิจอาหารชั้นนำของประเทศปักธงแบรนด์ที่ลูกค้าชอบมากที่สุด โดยมีอาหารเป็นสื่อกลาง ปรับโครงสร้างองค์กร ต่อยอดธุรกิจ ผ่านแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า จุ่มแซ่บฮัท และฮ็อทสตาร์ พร้อมวางแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 1-3 แบรนด์เสริมพอร์ทความแข็งแกร่งของธุรกิจ ตั้งเป้าธุรกิจโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100% หรือเท่ากับ 6,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

      นางชาตยา สุพรรณพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เปิดเผยว่า "บาร์บีคิวพลาซ่า" ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ พร้อมเปลี่ยนชื่อ ใหม่เป็น ฟู้ดแพชชั่น ที่จะสนับสนุนการทำงานของแต่ละแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทฯ บาร์บีคิวพลาซ่า จุ่มแซ่บฮัท และฮ็อทสตาร์ ให้เป็นแบรนด์ผู้นำในแต่ละธุรกิจ

    นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด ในปี 2530 ถือได้ว่าการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์และก้าวที่สำคัญของบริษัทสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่เพียงเพื่อรองรับกลยุทธ์ธุรกิจในเชิงรุกสู่การขยายตัวในอนาคตที่ต้องการสร้างความเป็นเอกภาพให้แต่ละแบรนด์ได้มีความสามารถในการขยายการเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยมีทีมงานส่วนกลางคอยให้การสนับสนุน แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการเปิดตัวฟู้ดแพชชั่น คือการสะท้อนความเชื่อและปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่าง ที่มีจุดเริ่มต้นจากความรักในอาหารและความเชื่อในเรื่องของการดูแลให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งทุกคนในที่นี้หมายถึงพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และสังคม โดยใช้อาหารเป็นสื่อกลาง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะหลอมรวมองค์กรเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำของธุรกิจอาหารอย่างยั่งยืนในอนาคต

       "การปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก บริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด มาเป็น บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด ที่จะสนับสนุนการทำงานของแต่ละแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทฯ พร้อมทั้งได้มีการแต่งตั้งผู้บริหารที่จะรับหน้าที่บริหารงานในแต่ละแบรนด์ ได้แก่ น.ส.บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดูแลแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าและจุ่มแซ่บฮัท พร้อมด้วยนายชนินทร์ ชูพจน์เจริญ รับตำแหน่งรองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ดูแลแบรนด์ฮ็อทสตาร์ พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในปีนี้อีก 1 แบรนด์ และภายใน 3 ปี จะเปิดอีก 1-2 แบรนด์ เพื่อเสริม

ฐานความแข็งแกร่งและการเติบโตให้แก่ฟู้ดแพชชั่น

     โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือการเติมเต็มความสุขและความต้องการในทุกมื้ออาหารให้กับคนไทย โดยเชื่อว่าภายหลังการปรับโครงสร้างองค์กรจะช่วยทำให้แต่ละแบรนด์สามารถขยายการเติบโตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้มีการเติบโตในภาพรวมเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100% หรือ 6,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี (พ.ศ.2561) และในปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนในการขยายธุรกิจไว้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท" นางชาตยา กล่าว

     ทั้งนี้ เพื่อสร้างสรรค์การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ฟู้ดแพชชั่น ได้วางกลยุทธ์พื้นฐานในการดำเนินธุรกิจด้วย 4 แนวคิด ดังนี้1.Business for People คือ บริหารธุรกิจด้วยแนวคิดองค์กรแห่งความสุข ที่ให้ความสำคัญกับ "คน" เริ่มต้นที่พนักงาน สู่ลูกค้า และสังคม เพื่อสร้างสรรค์วงจรแห่งความสุขที่ยั่งยืน 2.Do It with Passion and Pride คือ การสร้างความรักและความภาคภูมิใจในงานและหน้าที่ของพนักงานทุกระดับ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 3.Innovation for Customer Journey คือ การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และสร้างความประทับใจในทุกๆ สัมผัสที่มีต่อแบรนด์ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและแบรนด์ในระยะยาว และ 4.Speed to Market คือ ปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นแบบ Dynamic Organization เพื่อความรวดเร็วและเป็นเอกภาพในการบริหารงานของแต่ละแบรนด์ให้พร้อมเดินหน้าได้แบบเต็มกำลังและต่อเนื่อง เพื่อบรรลุทุกเป้าหมายที่ตั้งไว้

    สำหรับ ภาพรวมธุรกิจในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้กว่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 11% จากปี 2557 โดยหากเปรียบเทียบกับตลาดรวมพบว่ามีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 58% จากตลาดรวมปิ้งย่างที่มีมูลค่า 5,160 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการดำเนิน

    แผนการตลาดเชิงรุก และความร่วมมือร่วมใจของทีมงานที่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายและสำหรับแบรนด์ฮ็อทสตาร์ แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่แต่ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ดาวรุ่งที่กำลังมาแรงและโดดเด่นมากในการเป็นผู้นำรายแรกในตลาด Taiwanese snack ซึ่งจะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องภายในปีนี้ ในขณะที่แผนการขยายสาขาในต่างประเทศซึ่งเป็นการร่วมทุนแบบ Joint Venture ปัจจุบันมีร้านบาร์บีคิวพลาซ่าในมาเลเซีย 16 สาขา และที่อินโดนีเซีย 2 สาขา โดยกลยุทธ์สำคัญยังคงโฟกัสในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของสาขาที่มีอยู่ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนประเทศอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา

   น.ส.บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด ดูแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าและจุ่มแซ่บฮัท กล่าวว่า ภายหลังจากการปรับโครงสร้างองค์กรแน่นอนว่าทั้งแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าและจุ่มแซ่บฮัท จะต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายของฟู้ดแพชชั่นในทุกด้าน โดยแผนธุรกิจในอนาคตของแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าจะยังคงเน้นการขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการเดินหน้าบริหารแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเป็นแบรนด์ที่คนรักมากที่สุด มากกว่าแบรนด์ที่มียอดขายมากที่สุด ในขณะที่จุ่มแซ่บฮัท ถือเป็นอีกแบรนด์ที่สร้างยอดขายได้โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งแม้จะยังไม่เห็นการขยายสาขาของจุ่มแซ่บฮัทในปีนี้ แต่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจุ่มแซ่บฮัทภายในไตรมาส 3 ของปีนี้แน่นอน

    ในปี 2559 บาร์บีคิวพลาซ่าจะยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดในแนว Content Marketing ซึ่งถือเป็นแนวทางการตลาดที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่าง และสร้างสรรค์ของแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าที่สามารถทำได้อย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการขยายสาขาอย่าง

    ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงให้กับลูกค้าทั่วประเทศโดยมีเป้าหมายจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 สาขาในปีนี้ พร้อมด้วยการยกระดับความสุขของพนักงานให้เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการส่งต่อความสุขสู่ลูกค้าและสังคม ควบคู่ไปกับด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ของแบรนด์ในด้านต่างๆ และยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันที่มีสูงถึง 580,000 คน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกเป็น 780,000 คน ในปี 2559 รวมถึงการทำโปรโมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบาร์บีคิวพลาซ่า โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโตไม่น้อยกว่า 15%" น.ส.บุณย์ญานุช กล่าวเพิ่มเติม

    นายชนินทร์ ชูพจน์เจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด ดูแลรับผิดชอบแบรนด์ฮ็อทสตาร์ กล่าวว่า ไก่ทอดฮ็อทสตาร์ ไก่ทอดชิ้นใหญ่ไซส์ XXL ขนาดใหญ่เท่าหน้าที่ถูกแชร์และพูดถึงในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสการต่อคิวอย่างล้นหลามได้เผยภาพรวมธุรกิจของ แบรนด์ฮ็อทสตาร์ในปีที่ผ่านมาและเป้าหมายธุรกิจในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายของแบรนด์ฮ็อทสตาร์ในปีที่ผ่านมาถือได้ว่าสามารถทำยอดขายได้โตเกินเป้าที่ตั้งไว้คิดเป็น 300% โดยมียอดขายรวมกว่า 33 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จของสินค้าและการเปิดตัวสินค้าที่มีความแปลกใหม่ รวมไปถึงการเป็นผู้นำรายแรกในตลาด Taiwanese snack กับไลฟ์สไตล์การบริโภคของทานเล่นสไตล์ไต้หวันในมื้อตามใจปากที่ถูกอกถูกใจคนไทย

     โดยกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ของฮ็อทสตาร์จะเดินหน้าสู่การสร้าง Product Champion ที่เป็นหนึ่งในใจของคนไทยเมื่อนึกถึงของทานเล่นสไตล์ไต้หวันที่รสชาติถูกปากคนไทยพร้อมการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ไต้หวันในทุกสัมผัส เพื่อการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในอนาคต รวมไปถึงการเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 5-10 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะเน้นพื้นที่ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น โดยตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 100% พร้อมเปิดตัวเมนูใหม่ภายใต้แบรนด์ฮ็อทสตาร์เพื่อนำเสนอความแปลกใหม่ของอาหารว่างสไตล์ไต้หวันที่ไม่เคยมีในเมืองไทย ปัจจุบันเมนูไก่ทอดถือเป็นเมนูยอดนิยมที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 30-40% จากยอดขายรวม

    ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ต่างๆ ภายใต้บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด จะแบ่งเป็นรายได้จากแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าและจุ่มแซ่บฮัท 80% ฮ็อทสตาร์และแบรนด์ใหม่ 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากการขยายการเติบโตของธุรกิจในทุกแบรนด์และการเปิดตัวของแบรนด์ใหม่ในอนาคต                                                                 

                                                                                                                                

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตปท. ตัวเลขศก.สหรัฐฯดี-ลุ้น ECB ออก QE เพิ่ม
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ภายหลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในเดือนก.พ.ออกมาดีกว่าคาด และตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯก็ทรงตัว ซึ่งเป็นการสะท้อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯเติบโตตามที่คาดหวังไว้
นอกจากนี้ยังจะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ซึ่งก็อาจจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่ม ส่วนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็คาดว่าจะไม่ใช่ประเด็น เพราะได้มีการออกมาบอกแล้วว่าจะ ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ด้านราคาน้ำมันก็อยู่ในทิศทาง Sideways up ซึ่งก็น่าจะช่วยหนุนตลาดฯได้
พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด ซึ่งมองว่าเมื่อดัชนีฯปรับขึ้นไปก็อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาได้จนทำให้อาจจะยังไม่ผ่านแนว 1,400 จุดในวันนี้
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด (+0.37%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด (+0.20%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด (+0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 129.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.66 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.62 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 มี.ค.59) 1,379.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด (+0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,593.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มี.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 มี.ค.59) ปิดที่ 35.92 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 3.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 มี.ค.59) ที่ 6.83 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.45/47 จับตาตัวเลขศก.ของสหรัฐฯสัปดาห์นี้ มองกรอบ 35.35-35.50
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "นโยบายของสรรพากรต่อภาษีร้านทอง" ว่า รัฐบาลได้มีแนวคิดจะเปิดเสรีการค้าทองคำอัญมณีและเครื่องประดับ (ฟรีเทรด) ด้วยการลดภาษีเป็น 0% รวมทั้งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำและอัญมณีของโลก (จิวเวลรี่เทรด) และผลักดันให้เป็นโปรดักต์แชมป์เปี้ยน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
- "ชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ" นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เผยหลังจากที่กระทรวงพลังงานประกาศโรดแมปเปิดการค้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ทั้งระบบอย่างเสรี โดยเริ่มปลดล็อกระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าไปบ้างแล้ว ทำให้ขณะนี้มีผู้ค้าแอลพีจี 2-3 ราย สนใจจะลงทุนเป็นผู้จำหน่ายก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนในแบรนด์ใหม่เพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น
- "สมเจตน์ ทิณพงษ์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมียนทวาย อินดัส เทรียล เอสเตท ผู้บริหารโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกทวาย เผยขณะนี้ได้มีการเจรจากับกลุ่ม นักลงทุนจีนในรูปแบบคอนซอร์เตี้ยมในรูปแบบรัฐบาลและเอกชน ซึ่งประกอบด้วย คิง ทริลเลียน (King Trilion) และกิจการรถไฟจีน (China Railway Engineering Corp) เพื่อเข้ามาก่อสร้างสาธารณูปโภคในเฟสแรก พื้นที่ 27 ตร.กม. คือ ถนน 4 เลน ระยะทาง 132 กม. ใช้เงินลงทุน 1.35 หมื่นล้านบาท และท่าเรือเพิ่มอีก 3 แห่ง รองรับน้ำหนักบรรทุกต่อเรือ 1.3 หมื่นตัน ใช้งบลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมมีอยู่แล้ว 1 ท่า
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่มี รมว.คลัง เป็นประธาน ซึ่งตั้งขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารเงินทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 ได้ประชุมครั้งแรกเพื่อกำหนดกรอบการบริหารเงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดของประเทศ ทั้งเงินทุนหมุนเวียนที่เกิดขึ้นใหม่และที่มีอยู่เดิม 117 กองทุน มีสินทรัพย์ 3.1 ล้านล้านบาท มีหนี้สิน 9.67 แสนล้านบาท และสภาพคล่อง 4.5 แสนล้านบาท
- ผู้ว่าการ ธปท.เผยกำลังเจรจาเมียนมาร์และกัมพูชาใช้สกุลเงินตราท้องถิ่นมากขึ้น คาดสัปดาห์นี้จะลงนามความร่วมมือเงินบาท-ริงกิต มองแนวโน้มธุรกรรมเงินบาทเพิ่มขึ้น เอื้อประโยชน์คนไทย เศรษฐกิจ และสถาบันการเงินไทย เปิดให้สถาบันการเงินในอาเซียนมาตั้ง Subsidiary ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ QAB
- นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ฐานะการคลังในขณะนี้ยังเปิดช่องให้รัฐบาลใช้นโยบายการคลังเพิ่มเติมเพื่อดูแลเศรษฐกิจได้ หากภาคส่งออกหดตัวมากกว่าที่คาด และภัยแล้งยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะการดูแลรายได้ภาคเกษตรที่หายไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- ASEFA (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 6.60 รายงานกำไรสุทธิปี 2558 ที่ 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +81%YoY สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 193 ล้านบาท และจากแนวโน้มยอดขายที่ยังเพิ่มขึ้นดีในปี 2558 จากคำสั่งซื้อของลูกค้าทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน จึงประมาณการณ์รายได้ปี 2559 ที่ 2.9 พันล้านบาท +15%YoY และคาดกำไรสุทธิที่ 242 ล้านบาท +17%YoY จากสมมติฐานว่า GPM จะยังรักษาระดับเหนือ 20% ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการชำระหนี้จากเงิน IPO ที่ได้รับมาในปีก่อน การเติบโตของรายได้เฉลี่ยใกล้เคียงกับ 15% ต่อปีจากกำลังการผลิตที่เพิ่มจากการขยายโรงงานและการขยายสาขา
- XO (โกลเบล็ก) กำไรปี 2558 ที่ 86 ล้านบาท ทรงตัวจากปี 2557 อย่างไรก็ตามยอดขายของบริษัทมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อยราว 0.7% YoY เป็น 740 ล้านบาท และคาดรายได้และกำไรปี 2559 เติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% ตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้น 4 เท่าจากโรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะเสร็จราว Q2/59 และเป็นโรงงานที่ Fully Automatic จึงสามารถลดค่าแรงลงได้ราว 15 ล้านบาท/ปี  อีกทั้งบริษัทเตรียมขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้นโดยเน้นตลาดจีนและฮ่องกง โดยบริษัทตั้งเป้า 5 ปี เติบโต 15% ต่อปีและเพิ่มสัดส่วนตลาดหลักเป็นยุโรป 50% และเอเชีย สหรัฐ อื่นๆ อีก 50% และยังอยู่ระหว่างทำดีลบริษัทนอกตลาด 2 ดีล (ยอดขายรวมราว 600 ล้านบาท/ปี) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
- EPG (เคทีบี) เป้า 13.70 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 (ต.ค.-ธ.ค.2558) อยู่ที่ 354 ล้านบาท ลดลง -16.7% QoQ, แต่เติบโต 139% YoY กำไรยังเติบโตได้ดีในทุกกลุ่มธุรกิจ และได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลงและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น พร้อมคาดกำไรสุทธิ ใน Q4/59 จะเติบโตได้โดดเด่นจาก seasonal effect ซึ่งไตรมาส 4 ของ EPG จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ทั้งนี้ทาง EPG ตั้งเป้ารายได้ปี 2560 (เม.ย. 59 ถึง มี.ค. 60) แตะระดับ 10,000 ล้านบาท หรือโตขึ้น 10% จากงวดปี 2559 ที่คาดว่าจะทำรายได้ได้ตามเป้าที่ 9,000 ล้านบาท จาก 3 ธุรกิจหลักที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนสำหรับเข้าซื้อกิจการ (M&A) ไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลจ้างงานสหรัฐสดใส
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาดในเดือนก.พ.
ดัชนี MSCI Asia Pacific เคลื่อนไหวที่ระดับ 126.31 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,024.64 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,886.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,306.09 จุด เพิ่มขึ้น 129.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,656.74 จุด เพิ่มขึ้น 13.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,961.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,843.66 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,696.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.62 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 68.97 จุด จากแรงซื้อหุ้นเหมืองแร่
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า จีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า London Stock Exchange Group (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน มีกำไรเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,199.43 จุด เพิ่มขึ้น 68.97 จุด หรือ +1.13%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลกนั้น อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ทะยานขึ้นกว่า 11% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับขึ้น 9.1% แม้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบีเอชพี บิลลิตัน ลง 2 ขั้น
ทั้งนี้ มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบีเอชพีลงสู่ระดับ A3 โดยมีแนวโน้มเชิงลบ จากเดิมที่ระดับ A1 หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบีเอชพีลงสู่ระดับ A จากระดับ A+ เมื่อต้นเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกหลังจาก London Stock Exchange Group (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน เปิดเผยกำไรประจำปี 2558 ก่อนหักภาษี พุ่งขึ้น 31% สู่ระดับ 643.4 ล้านปอนด์ (910.80 ล้านดอลลาร์) จาก 491.7 ล้านปอนด์ในปี 2557
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ข้อมูลแรงงานสหรัฐสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานเดือนก.พ.ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.7% ปิดที่ 341.8 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,456.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.54 จุด หรือ +0.92% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,824.17 จุด เพิ่มขึ้น 72.25 จุด หรือ +0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,199.43 จุด เพิ่มขึ้น 68.97 จุด หรือ +1.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 172,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 151,000 ตำแหน่ง และทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นสู่ 271,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 262,000 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลกนั้น อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ทะยานขึ้นกว่า 11%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 62.87 จุด รับตัวเลขจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานเดือนก.พ.ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี โดยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด หรือ +0.37% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด หรือ +0.33%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.2% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 2.7% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ปรับตัวลดลง  3 เซนต์ในเดือนก.พ. สู่ระดับเพิ่มขึ้น 2.2% โดยชะลอตัวลงจากระดับ 2.5% ในเดืนม.ค.
เจฟฟ์ โรเซนเบิร์ก หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทแบล็คร็อค กล่าวว่า การปรับตัวลงของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานนั้น แสดงให้เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสหรัฐไม่มีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งข้อมูลนี้จะทำให้เฟดไม่ต้องรีบปรับนโยบายสู่ภาวะปกติ
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% เมื่อวันศุกร์ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นกว่า 19% และหุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 17%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลกนั้น อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับขึ้น 7.8% และหุ้นดูปองท์ เพิ่มขึ้น 2.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปรับขึ้น 1.5% หุ้นเนทฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 7.2% และหุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ทะยานขึ้นเกือบ 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
 
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 มี.ค. 2559
          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด, +0.37%
          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด, +0.20%
          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด, +0.33%
          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,456.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.54 จุด, +0.92%
          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,824.17 จุด เพิ่มขึ้น 72.25 จุด, +0.74%
          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,199.43 จุด เพิ่มขึ้น 68.97 จุด, +1.13%
          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,646.48 จุด เพิ่มขึ้น 39.49 จุด, +0.16%
          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,837.00 จุด เพิ่มขึ้น 49.38 จุด, +1.77%
          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,692.49 จุด เพิ่มขึ้น 4.29 จุด, +0.25%
          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,850.88 จุด เพิ่มขึ้น 6.84 จุด +0.14%
          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,176.70 จุด เพิ่มขึ้น 234.94 จุด, +1.18%
          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,899.07 จุด ลดลง 64.37 จุด, -0.92%
          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,874.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด, +0.50%
          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,955.63 จุด ลดลง 2.54 จุด, -0.13%
          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,014.78 จุด เพิ่มขึ้น 54.62 จุด, +0.32%
          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,643.55 จุด เพิ่มขึ้น 31.76 จุด, +0.37%
          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,090.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.90 จุด, +0.18%
          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,151.10 จุด เพิ่มขึ้น 8.90 จุด, +0.17%
 
 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานเดือนก.พ.ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี โดยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด หรือ +0.37% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด หรือ +0.33%
          ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.2% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 2.7% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.8%
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานเดือนก.พ.ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.7% ปิดที่ 341.8 จุด
          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,456.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.54 จุด หรือ +0.92% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,824.17 จุด เพิ่มขึ้น 72.25 จุด หรือ +0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,199.43 จุด เพิ่มขึ้น 68.97 จุด หรือ +1.13%
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า จีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า London Stock Exchange Group (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน มีกำไรเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
          ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,199.43 จุด เพิ่มขึ้น 68.97 จุด หรือ +1.13%
 
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และข้อมูลที่ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจจะตกลงกันได้ในประเด็นปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในเดือนนี้
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 3.9% แตะที่ระดับ 35.92 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมัน WTI ปรับขึ้นทั้งสิ้น 9.6%
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดเพิ่มขึ้น 1.65 ดอลลาร์ หรือ 4.5% แตะที่ 38.72 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้นทั้งสิ้น 9.3%
 
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินอื่นๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดส่งออกและยอดนำเข้าเดือนม.ค.ร่วงลงอย่างหนัก
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 12.5 ดอลลาร์ หรือ 0.99% แตะที่ 1,270.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และในตลอดสัปดาห์ สัญญาทองคำพุ่งขึ้นทั้งสิ้น 4.1%
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดบวก 54.8 เซนต์ หรือ 3.62% แตะที่ 15.694 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 43.6 ดอลลาร์ หรือ 4.63% แตะที่ 986.30 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 20.80 ดอลลาร์ หรือ 3.8% แตะที่ 563 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (4 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนม.ค. ขณะที่ยอดส่งออกและนำเข้าร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานในสหรัฐ ปรับตัวลดลงในเดือนก.พ.
          ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0995 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0955 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4213 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4165 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7426 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7356 ดอลลาร์สหรัฐ
          อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 114.03 เยน จากระดับ 113.62 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9950 ฟรังค์ จากระดับ 0.9910 ฟรังค์
           ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 349.00 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด, +2.05%
อินโฟเควสท์ 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!