ชาตรามือ เล็งขยายไลน์อีก3ปีบุกตลาดพร้อมดื่มชนิดขวด

     แนวหน้า : นายดิฐพงศ์ เรืองฤทธิเดช กรรมการผู้จัดการโรงงานใบชาสยาม ซึ่งเป็นสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค (OPOAI) เปิดเผยว่า โรงงานใบชาสยามได้ดำเนินกิจการประเภทผลิตและจำหน่าย 'ชาตรามือ' โดยเข้าร่วมโครงการ OPOAI ในแผนงานการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประกอบด้วย การปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลัง บรรจุภัณฑ์ ให้มีการจัดวางสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนการขนถ่ายลำเลียงสินค้าในวัตถุดิบลง 45% ของการทำงานทั้งหมด และแผนงานการปรับปรุงคุณภาพและพัฒนางาน ช่วยลดมูลค่าการเสียโอกาสในการขายสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 200,000 บาทต่อปี ลดลงเป็นศูนย์ และมีคำสั่งซื้อสินค้าจากร้านกาแฟ "อเมซอน" ของ ปตท.ต่อเนื่องประมาณ 88.5 ตันต่อเดือน

      อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยนั้น แต่ธุรกิจชาตรามือในปี 2558 ยังสามารถเติบโตได้ 10% โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 60% และส่งออกไปต่างประเทศ 40% มีตลาดอาเซียนเป็นคู่ค้าสำคัญ อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และ จีน

     นายเศรษฐิกิจ เรืองฤทธิเดช ผู้จัดการ โรงงานใบชาสยาม กล่าวว่า ความต้องการบริโภคชาในไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง 10-15% แต่น้อยกว่ากาแฟเกือบ 10 เท่า โดยปัจจุบันในไทยมีพื้นที่ไร่ชาประมาณ 130,000 ไร่ คาดว่าในปี 2559 นี้จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 150,000-170,000 ไร่ โดยเฉพาะในเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน

     โดยในปี 2559 นี้โรงงานใบชาสยามเตรียมงบลงทุนอุปกรณ์เครื่องจักร 20-30 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20-30% จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตปีละ 1,000 ตัน เพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมทั้งมีแผนขยายโรงงานและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ในรูปเครื่องดื่มชาแบบขวดพร้อมดื่ม ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกแบบและพัฒนาได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อเข้าแข่งขันในตลาดเครื่องดื่ม โดยปัจจุบันโรงงานใบชาสยามมีส่วนแบ่งตลาดชาไทยประมาณ 70-80% ของตลาดชาทั้งประเทศ

     ทั้งนี้ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะส่งผลดีต่อธุรกิจชาให้เติบโตขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ชาไทยจะเป็นที่นิยมของกลุ่มประเทศในอาเซียน เนื่องจากมีลักษณะการดื่มชาที่คล้ายกับไทย ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มยุโรป ยังพบอุปสรรคในมาตรการกีดกันทางการค้าบางข้อ