สยามพิวรรธน์ ทุ่ม 4 พันล.เปลี่ยนโฉมสยามดิสฯ เป็นไฮบริดรีเทลสโตร์แห่งแรก

     บริษัท สยามพิวรรธน์  จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ พาราไดซ์พาร์ค จัดงานแถลงข่าวเตรียมเผยโฉมใหม่'สยามดิสคัฟเวอรี่' ที่เปลี่ยนจากศูนย์การค้าธรรมดาให้กลายเป็นไฮบริดรีเทลสโตร์ แห่งแรกในเมืองไทย เล็งเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ (2559)

     นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เผยว่า ในการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็น 'Siam Discovery - The Exploratorium'ครั้งนี้ ทางบริษัทใช้งบลงทุนสูงถึง 4,000 ล้านบาท ฉีกคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ โดยจะเลิกขายของ แต่ขายแวลูแทน เลิกบริหารสินค้า แต่หันมาบริหารอารมณ์ ความปรารถนาของลูกค้า ทุกคนสามารถเป็นเพื่อนกันได้ และอยากให้ทุกคนตกหลุมรักสยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งเป้าให้สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นโลกแห่งการค้นพบใบใหม่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของคนกรุงเทพมหานคร

     สยาม ดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ บนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร ได้ผสมผสานทั้งด้านสินค้าบริการและกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 5,000 แบรนด์ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ล้ำยุค กับความสนใจในเรื่องนวัตกรรมด้านต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาการค้นพบจุดยืนที่แตกต่างของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการร่วมมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับผู้อื่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ผสมกลมกลืนของ “ไลฟ์สไตล์สเปเชี่ยลตี้สโตร์” แห่งแรกที่ทุกมิติของการนำเสนอได้ถูกเนรมิตขึ้นให้ “เข้าถึงใจ” ของลูกค้ามากที่สุด และเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังจะมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ สนุกสนานมีสีสัน ไม่ซ้ำซากจำเจ รู้สึกเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งได้ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน ทุกคนสามารถปรับแต่ง พลิกแพลง และสร้างสินค้าที่ซื้อให้เป็นไปตามความต้องการและรสนิยมเฉพาะตัว โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการราว 1 แสนคนต่อวัน และช่วยเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่าภายในระยะเวลา 1 ปี

       สำหรับ สินค้าที่จะได้พบที่สยามดิสคัฟเวอรี่ 2016 จะแบ่งเป็น 6 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย

1. ประเภทสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ตอบสนองทุกความต้องการ

2. สินค้านำเทรนด์ ที่ก้าวล้ำทุกกระแสโลก

3. สินค้านวัตกรรมล่าสุด ที่มีดีไซน์แปลกใหม่

4. สินค้าที่ผลิตสร้างสรรค์จากแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเพื่อความยั่งยืน (Sustainability)

5. สินค้าในรูปแบบคอลลาโบเรชั่น ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์หรือองค์กรชื่อดังที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ

6. สินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น (Collaborative & Limited Collection) จำหน่ายเฉพาะที่สยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้น

      ทั้งนี้ เป้าหมายลูกค้า 1 แสนคนที่คาดว่ามาใช้บริการสยามดิสคัฟเวอรรี่ในแต่ละวัน  แบ่งเป็นชาวไทย 65% และเป็นชาวต่างชาติ 35% มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ใน ทุกเพศ ทุกวัย มีสินค้าและบริการในทุกระดับราคาสำหรับทุกคน บนพื้นที่ (GFA) กว่า 40,000 ตารางเมตร ในอาคาร 8 ชั้น

     “ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ก้าวล้ำนำยุค จะไม่ยึดติดกับแบรนด์สินค้าต่างๆ  แต่จะสร้างสูตรผสมเฉพาะตัวว่า ‘นี่คือสไตล์ของฉัน’ ซึ่งเป็นนิยามใหม่ของความหรูหรา เขาปรารถนาที่จะมีจุดยืนที่แตกต่างและไม่ทำตามผู้อื่น มีอิสระและไม่ถูกครอบงำโดยตราสินค้าใดๆ  แต่จะสร้างเอกลักษณ์ของตนเองตามแรงบันดาลใจ และพร้อมที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และ Siam Discovery – The Exploratorium จะเป็นสนามทดลองที่ยิ่งใหญ่ของการสร้างสรรค์สำหรับคนทุกเพศทุกวัย ที่มีหัวใจไฟแรง เราส่งเสริมให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับการทดลองและสนุกสนานไปกับการสร้างเอกลักษณ์ให้ตนเอง โดยลูกค้ามีอิสระเสรีในการเลือกชมสินค้าในพื้นที่เปิดกว้าง ค้นหาและค้นพบสินค้า รวมถึงบริการต่างๆ จากเรื่องราวที่แต่ละคนสนใจ ทดลองทำผลิตภัณฑ์บางอย่างด้วยตนเอง เราจะนำพาเขาไปพบโลกใบใหม่ที่นวัตกรรมกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างคาดไม่ถึง เป็นสถานที่ๆสร้างความแตกต่างอย่างมีคุณค่า และเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่เชื้อเชิญคุณให้มาร่วมสนุกกันในรูปแบบต่างๆ  เป็นแหล่งนัดพบของกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันที่จะมาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแรงบันดาลใจ ในบ้านหลังใหญ่แห่งการค้นพบที่ไม่มีวันสิ้นสุด”นางชฎาทิพ กล่าว

อินโฟเควสท์