- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 27 February 2016 16:39
- Hits: 1921
สมาคมกาแฟพิเศษเผย ธุรกิจกาแฟในไทยยังโตได้อีก อยากเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟให้มางาน ‘SCATH and CP RETAILINK Present Thailand Coffee Fest 2016’ มหกรรมกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานเดียวคุ้ม!
SCATH and CP RETAILINK Present Thailand Coffee Fest 2016 มหกรรมกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จัดโดยสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH - Specialty Coffee Association of Thailand) ร่วมกับ CP Retailink และ a day BULLETIN LIFE เป็นมหกรรมงานเทรดโชว์ ที่มากด้วยเรื่องราวและเนื้อหาที่ไม่เพียงแต่เอาใจคนรักกาแฟเท่านั้น แต่ยังผนวกกับวิถีและกระบวนการต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งนี้ ภายในงานยังได้รวบรวมผู้ผลิต ผู้ปลูก ผู้คั่ว ผู้สกัด ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่รักและชื่นชอบกาแฟ มารวมไว้ในงานเดียว พร้อมทั้งเน้นการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกาแฟ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หรือจากผู้ผลิต สู่ผู้บริโภค โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่าง วันพฤหัสบดีที่ 25 ถึง วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายอภิชา แย้มเกษร นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวว่า “สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2559 คาดว่า จะสามารถขยายตัว ได้ร้อยละ 3.7 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการ ใช้จ่ายภาครัฐ ในกองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 35,000 ล้านบาท และราคาน้ำมันดิบที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 7 ปี รวมทั้ง การท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยกดดันก็น่าจะมาจากภัยแล้งที่จะมีผลต่อภาคการเกษตร และสภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก ตลาดยังไปได้แต่ก็อาจมีการชะลอตัวบ้าง จากมุมมองเศรษฐกิจจะมีผลกระทบต่อ SME ในธุรกิจกาแฟหรือไม่นั้น? ในส่วนของตลาดกาแฟสดเนื่องจากการดื่มกาแฟเป็นไลฟ์สไตล์ของผู้คนไปแล้ว และมีการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของธุรกิจกาแฟยังเติบโตได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการปลูกและการผลิตกาแฟ เพราะประเทศเรายังผลิตกาแฟไม่พอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ ซึ่งประมาณการผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปีนี้ อราบิก้าได้ประมาณ 9,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสต้าประมาณ 17,800 กว่าตัน ราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงกว่ากาแฟจากเพื่อนบ้านเรา เพราะบ้านเรายังมีการเก็บภาษีนำเข้ากาแฟจากกลุ่ม CLMV สูงถึง 90% ทำให้มีผลต่อราคาเมล็ดกาแฟไทยอยู่ที่ 160-180 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาเมล็ดกาแฟเพื่อนบ้านเราอยู่ที่ 95-105 บาท ซึ่งมีผลดีต่อเกษตรกร แต่ก็กดดันอัตราการเติบโตของการเกิดร้านกาแฟ เพราะต้นทุนเมล็ดกาแฟที่แพงมาก
ในส่วนตลาดการเปิดร้านกาแฟ ร้านกาแฟในเมืองใหญ่อาจหาทำเลเปิดได้ยากขึ้น ในส่วนต่างจังหวัด ตลาดยังเปิดกว้างอีกมาก ส่วนตลาดแรงงานพนักงานร้านกาแฟ เนื่องจากร้านกาแฟเปิดขึ้นเยอะ ภาวะการณ์ขาดแคลนแรงงานก็ตามมา แต่ก็ต้องการแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้น สภาพโดยรวมสรุปยังมีโอกาสอีกมากในธุรกิจนี้ เรื่องของ SME ในส่วนของเกษตรกรต้องเตรียมตัว ประเทศเรามี FTA แต่ยังคงภาษีนำเข้า 90% ทำให้ขายกาแฟได้ราคาแพง แต่ในอนาคตภาษีก็น่าจะลดลง เกษตรกรก็ต้องเตรียมรับมือกับราคาเมล็ดกาแฟที่ลดลงเข้าสู่ภาวะราคาจริง ตามตลาดโลก เกษตรกรคงต้องหันมาทำกาแฟแบบ Specialty Coffee เพื่อให้ได้ราคาดีมากขึ้น เพราะบ้านเราเสียเปรียบเรื่องต้นทุนการผลิต ผู้ประกอบการร้านกาแฟต้องรักษามาตรฐานคุณภาพการชงกาแฟและเครื่องดื่ม และการเปิดร้านใหม่หรือขยายสาขาอาจต้องเน้นที่ทำเลดีจริงๆ หรือเป็นทำเลแหล่งท่องเที่ยวจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกเยอะ เพราะการบริโภคกาแฟของคนไทยยังน้อยมาก เมื่อเทียบต่ออัตราประชากรในประเทศ การเกิดร้านกาแฟในเมืองใหญ่อาจมีการเติบโตช้าลง แต่ในต่างจังหวัดการเกิดร้านกาแฟสามารถเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านกาแฟ ณ ปัจจุบันควรหาความรู้เกี่ยวกับกาแฟเพิ่มเติมตลอดเวลา และปรับปรุงทดสอบคุณภาพการชงกาแฟของร้านอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเสาะแสวงหากาแฟคุณภาพดี และแหล่งปลูกใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ มาบริการลูกค้าเพื่อลดความจำเจ
สำหรับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจร้านกาแฟ สิ่งจำเป็นที่ท่านต้องมีถึงจะอยู่รอดได้ คือ
1. มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับศาสตร์ของกาแฟและการชงกาแฟ
2. หาอัตลักษณ์และสไตล์ของตนให้เจอ เพราะสไตล์เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความแตกต่างจากร้านอื่นๆ
3. การเลือกทำเลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำเลต้องดีและเหมาะสม อยู่ในที่ชุมชน ร้านกาแฟจะอยู่ได้ต้องมีลูกค้าเข้าร้าน หากทำกาแฟรสชาติเยี่ยม แต่หากไม่มีลูกค้าเข้าร้านก็ประสบความสำเร็จยาก
และ 4. เทรนด์ของธุรกิจกาแฟในอนาคต ทิศทางจะเป็นร้านกาแฟที่เรียกว่า Third wave คือมีความพิถีพิถัน ในการทำร้านกาแฟในทุกๆ ด้าน เช่น การเลือกใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ หรือเรียกว่า Specialty Coffee จากแหล่งปลูกหลายๆ แหล่งมาบริการลูกค้า ตัวพนักงานชงกาแฟ บาริสต้า(Barista) ต้องมีความเข้าใจในการชงกาแฟอย่างถูกต้อง และสามารถอธิบายเรื่องราวของกาแฟแก่ลูกค้าได้อย่างเข้าใจ และมีความพิถีพิถันในการตกแต่งร้านและการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงเล็งเห็นว่า การให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจกาแฟนั้น เป็นการแก้ปัญหาของผู้ประกอบการแบบองค์รวมที่ตรงจุดที่สุด ซึ่งในงานเทศกาลกาแฟครั้งนี้ได้มีการสัมมนาและการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้อย่างครบถ้วนและหลากหลาย ทั้งความรู้เรื่องการชงกาแฟ การคั่วกาแฟ การชิม การบริหารและการทำการตลาด ตลอดจนการเลือกทำเลฮวงจุ้ยในการทำร้านกาแฟ ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจกาแฟได้อย่างประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตครับ”
ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จํากัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก งาน Thailand Coffee Fest 2016 มหกรรมกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “สำหรับใครที่สนใจทำธุรกิจร้านกาแฟก็สามารถเข้ามาที่บูธ ซีพี รีเทลลิงค์ ได้ ซึ่งเราจะมีบริการแนะนำครบเครื่องเรื่องธุรกิจการเปิดร้านกาแฟ อาทิ การเลือกทำเลที่ตั้ง และอุปกรณ์สำหรับประกอบธุรกิจร้านกาแฟโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากศิลปินที่หลงใหลในกาแฟ สมชาย เข็มกลัด และศุกลวัฒน์ คณารศ ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจร้านกาแฟของตัวเอง และมินิคอนเสิร์ตจาก เป้ อารักษ์ พร้อมโชว์ Latte Art โดยสองหนุ่มบาริสต้า ดีกรีแชมป์ระดับประเทศ ภายในงานนี้อีกด้วย
พบกันในงาน SCATH and CP RETAILINK Present Thailand Coffee Fest 2016 มหกรรมกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ถึง วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์