- Details
- Category: การตลาด
- Published: Thursday, 18 February 2016 00:53
- Hits: 4026
'พีแอนด์จี'ร่วมช่วยยกระดับ 'เอสเอ็มอี'เจาะตลาดดิจิตอล สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางให้เติบโตในอาเซียน
พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย จำกัด ในฐานะพันธมิตรคนสำคัญของสภานักธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council หรือ US-ABC) ร่วมสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา ธุรกิจดิจิตอลสำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงาม (Training on Digital Business for Cosmetics and Personal Care Products)ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2559 ณ โรงแรมดิเอ็มเมอรัล รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือระดับภูมิภาคระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอี (US-ASEAN Business Alliance for Competitive SMEs) โดยมีองค์กรภาคีจากทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (US Agency for International Development หรือ USAID)ผ่าน ASEAN Connectivity through Trade and Investment project หรือ USAID-ACTI, คณะทำงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN SME Working Group), สภานักธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ABC) ซึ่งการอบรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัทพีแอนด์จี ประเทศไทย, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และหน่วยงานที่เข้าร่วมเป็นภาคีการจัดฝึกอบรมได้แก่ บริษัทยูพีเอส, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยโดยมีนักธุรกิจ SME ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมสัมมนา 150 คน
การอบรมสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม (Cosmetics and Personal Care products) ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิต และการส่งออกสำคัญของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งการยกระดับในครั้งนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อนามัยส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) โดยงานสัมมนาครั้งนี้มีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อยให้ความสนใจเข้าร่วมอบรม 150 คน ในระยะเวลาการสัมมนาทั้งหมด 2 วัน (17-18 กุมภาพันธ์ 2559) ซึ่งก่อนหน้านี้ทางโครงการได้เสนอการฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไปแล้วกว่า 4,000 คนในกลุ่มประเทศอาเซียน
หัวข้อสัมมนาครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลักก็คือ(1) โอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในระดับภายในประเทศ ภูมิภาคอาเซียน และตลาดโลก (2) รูปแบบของเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือ และวิธีการแก้ปัญหาของการตลาดดิจิตอล รวมไปถึงข้อกฎหมายและข้อบังคับในการใช้สังคมออนไลน์ (3) วิธีการจัดการที่ดี สำหรับผู้บริโภคออนไลน์ การบริการลูกค้า และการค้าปลีก และ (4) เรื่องราวและประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการขายปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Retailing), การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของไทย และความสำเร็จของการลงทุนธุรกิจของกลุ่มประเทศ CLMV (Cambodia , Laos , Myanmar , Vietnam)”
สำหรับ บทบาทของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการอบรมครั้งนี้คือ ต้องการให้ SMEs ไทยมีความรู้ด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นรากฐานของการเข้าถึงตลาดโลก นอกจากนั้น เศรษฐกิจที่อยู่บนพื้นฐานของดิจิตอลจะเอื้อให้ SMEs สามารถเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทานของบรรษัทข้ามชาติได้ เพราะการจะเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวได้นั้น SMEs ต้องมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ ที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่เป็นอยู่ อาทิ ด้านโลจิสติกส์ ด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ด้านธุรกรรมออนไลน์ และด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น องค์ความรู้และประสบการณ์ที่ SMEs ได้ทราบจากแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศเมื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมครั้งนี้ จะช่วยขยายวิสัยทัศน์ความรู้ความเข้าใจ และยกระดับทักษะในการประกอบธุรกิจระดับโลก และการช่วยกันยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการด้านเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการสู่การพาณิชย์ข้ามพรมแดนภายในตลาดต่างๆ ของอาเซียนในอนาคต
มร.ราอูลฟอลคอน รองประธานคณะกรรมการอาเซียน, US-ASEAN Business Council และกรรมการผู้จัดการบริษัทพรอคเตอร์แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย พม่าและลาว กล่าวว่า “เราตระหนักดีว่า SME เป็นกลไกอันสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งเราเองมีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจของสหรัฐและอาเซียน (US-ASEAN Business Alliance) ในการจัดอบรมสัมมนาครั้งนี้ ให้กับกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงาม ที่จะช่วยเร่งขยายธุรกิจให้กลุ่มนักธุรกิจเครื่องสำอางของไทย เติบโตและแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค”
นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทพรอคเตอร์แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง(ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะรองประธานคณะกรรมการอาเซียน, US-ASEAN Business Council กล่าวว่า ““พีแอนด์จี มีความใกล้ชิดกับพันธมิตรธุรกิจ SME เป็นอย่างมากในซัพพลายเชน และองค์กรของเราเองก็เริ่มต้นด้วยการเป็นธุรกิจ SME มาก่อน จึงได้เห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง
และขนาดเล็กให้เติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของพีแอนด์จี และในฐานะที่ บริษัท พีแอนด์จี ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ข้ามชาติที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่เข้ามาสนับสนุนการจัดอบรม อีกทั้งได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ เพื่อให้เอสเอ็มอีของไทยได้มีความเข้มแข็งและเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีความพยายามในการยกระดับอุตสาหกรรมและ SMEs เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมของภูมิภาคอาเซียน โดยมีการนำระบบดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดของผู้ประกอบการ รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพด้านการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ด้วยการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน
นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานคณะกรรมการอำนวยการ สมาคมเครื่องสำอางแห่งอาเซียน และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดอาเซียนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์สูงที่สุด ซึ่งในปัจจุบันตลาดได้เปิดกว้างมากขึ้นจากการก้าวเข้าสู่ AECถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่จะต้องพัฒนาศักยภาพตนเองให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะการพัฒนาการตลาดด้วยระบบดิจิทัล ทั้งในรูปแบบของ E-Commerce, E-Technology รวมไปถึงบริการอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการของเราเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วถึงและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลคาดการณ์การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประชากรโลก
ซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายเครื่องสำอางในช่องทางออนไลน์ของตลาดโลกเป็นเท่าตัวในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา โดยมาจากผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียมากที่สุดถึง
ร้อยละ 8 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน[1]ในขณะสัดส่วนของประชากรที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตสูงขึ้นทุกๆปีอย่างรวดเร็วปัจจุบันนี้ พบว่าร้อยละ 39 ของประชากรโลก 7.2 พันล้านคนใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต และพยากรณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 51 ของประชากรโลก 7.6 พันล้านคนในปี 2019[2]
มูลค่าตลาดเครื่องสำอางของไทย
กลุ่มธุรกิจกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงาม (Cosmetics and Personal Care Products) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในเชิงความสามารถการแข่งขันสำหรับประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยนับว่าเป็นฐานการผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดในประเทศอาเซียน มีอัตราการเติบโตระหว่างร้อยละ 8-10 มูลค่ารวมกว่า 2.6 แสนล้านบาท ในปี 2557 มูลค่าการส่งออกประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท ประเทศคู่ค้าที่สำคัญคือสมาชิกอาเซียนมากที่สุดถึงร้อยละ 39 รองลงมาได้แก่ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ในขณะที่ธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพความงามในช่องทางใหม่บนโลกออนไลน์ยังมีโอกาสอยู่มาก ซึ่งแปรไปตามอัตราการเพิ่มขึ้น
ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ทและเข้าถึงบริการทาง Social Media และเป็นโอกาสอันดีในการให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีองค์ความรู้ เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ
การอบรมสัมมนาในหัวข้อ “ธุรกิจดิจิตอลสำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม”(Training on Digital Business for Cosmetics and Personal Care Products)จัดขึ้นทั้งหมด 2 วัน (17-18 กุมภาพันธ์ 2559) ณ ห้องบอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัล รัชดาภิเศษ ซึ่งนอกเหนือจากงานอบรมสัมมนาครั้งนี้แล้ว ผู้ที่สนใจยังสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของกลุ่มสถาบัน ASEAN SME Academy ที่มีการฝึกอบรม และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านทาง www.asean-sme-academy.org
Public-Private Sectors Join Hands to Ready Thai Cosmetics SMEs for Opportunities in AEC
Today, over 150 entrepreneurs from Small and Medium Sized Enterprises (SMEs) attended a two-days training organized by the US-ASEAN Business Alliance for Competitive SMEs (Business Alliance), entitled Digital Business for Cosmetic and Personal Care Products. The Business Alliance is a partnership between the US-ASEAN Business Council (US-ABC) and the U.S. Agency for International Development (USAID), and has offered training to nearly 4,000 entrepreneurs across all 10 ASEAN countries.
The training workshop focusedon four specific areas; (a) the challenges and opportunities for ASEAN and Thai SMEs in e-commerce at the domestic, regional and international levels; (b) e-technology, platforms, tools and solutions for digital marketing, as well as the legal and regulatory issues on the use of social media and other e-tools for marketing in the digital space; (c) technology-driven ways and means to optimize consumers’ online experiences, customer service and retail distribution; and (d) success stories and experiences in e-retailing of beauty and personal care products as well as in investment ventures in this sector in the CLMV countries.
Thailand can become a strong base for intra-regional investment and for cosmetic and personal care clusters within the ASEAN Economic Community (AEC). Data shows that in 2014, Thailand’s Cosmetics Industry is worth roughly US$ 7.6 billion, of which US$ 4.8 billion was from the domestic market and US$2.8 billion from exports. ASEAN accounted for 39 per cent of exports, meaning there is substantial opportunity to be realized close to home.The prospects of expansion in both domestic and external e-commerce in the cosmetic and personal care product markets for Thai and other producers in ASEAN make the future look bright for those SMEs participating in the training.
The workshop issponsored by Procter & Gamble (P&G), the Office of SME Promotion (OSMEP) and USAID, with the support from Federation of Thai Industries (FTI), the Thai Cosmetic Manufacturer Association (TCMA), and United Parcel Service (UPS).
Thailand office of SMEs Promotion would like to enhance SMEs’ digital literacy, which is the foundation of getting access to global market. Also, Digital Economy would facilitate SMEs linkage into MNC supply chains, which require higher standard of SMEs managements in areas, such as logistics, supply chain management, online transaction and e-marketing. Experiences and best practices from today workshop would increase their knowledge and skills toward the international level.
“In the past 2 years, The Federation of Thai Industries (F.T.I) has attempted to improve Thai Small and Medium Enterprise (SMEs) for supporting Thailand to be a regional production hub of ASEAN. We have conducted ‘Digital system’ to help our entrepreneurs to improve their marketing potential and also encouraged product R&D in a new innovation and technology to develop production capability in order to reach a sustainable improvement of Thai industry’s competitiveness.” Said Mr. SupantMongkolsuthree, Chairman of the Federation of Thai Industries.
“The ASEAN market is highly significant for Thai Cosmetics Industries because of highest export proportion of cosmetic products. This market has been more broadening after becoming AEC in the end of year 2015. That is a challenge for entrepreneurs to improve their skills and competitiveness, in particular, market developing by Digital system such as E-Commerce, E-Technology, and other electronic services which enable businesses to approach their customers directly and thoroughly” said Ms. Ketmanee Lertkitja, Chair of Cosmetics Industries, FTI and Chair of Board of Trustees, ASEAN Cosmetics Association.
P&G Managing Director for Thailand, Myanmar and Laos and Vice-Chair of US-ABC ASEAN Committee, Raul Falcon, said: "We recognize that SMEs are the growth engine for Thailand and ASEAN economy. P&G is proud to be deeply involved with the US-ASEAN Business Alliance in conducting the training to the Thai cosmetics & personal care sector which aims to help cosmetics SMEs accelerate their business and compete across the region.”
Besides workshops like today, the Business Alliance’s SME empowerment programs include an online portal (the ASEAN SME Academy) with interactive and customized training and mentoring resources and business information for the regional SMEs, promoting women’s economic empowerment, and expanding access to finance. The Academy can be accessed at www.asean-sme-academy.org.
For more information aboutthis event, contact Mr. Anthony Nelson ([email protected])at the US-ASEAN Business Council.