WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Index เมฆ เกรยงไกรอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ชี้ปี 59 ตลาดเข้าสู่ยุค ดิจิ-ไลฟ์-เอ็กซ์พีเรียนส์เต็มรูปแบบ พร้อมบุกทำตลาดแบรนดิ้งยุคใหม่ เจาะกลุ่มผู้บริโภคชัดเจน

     อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจเปิดแผนรุกตลาด ไลฟสไตล์ เอ็กซ์พีเรียนส์’ (Lifestyle Experience) บุกงานพิพิธภัณฑ์ และงานนิทรรศการ (Museum and Exhibition) เจาะกลุ่มจากธุรกิจไปยังลูกค้าทั่วไป หรือบีทูซี (Business-to-Consumer) ด้วยวิธีการทำแบรนดิ้งยุคใหม่ ชี้ตลาดเมืองไทยเข้าสู่ยุคดิจิ-ไลฟ์-เอ็กซ์พีเรียนส์’ (Digi-Live Experience) การผนวกสื่อดิจิตอลออนไลน์ ผู้บริโภคเสพความสด และเชื่อในประสบการณ์จริง งานต้องตอบโจทย์ชีวิตคนในยุคปัจจุบัน ที่กระจายตัวครอบคลุมทุกพื้นที่

     นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ  วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า ถึงตอนนี้ ต้องบอกว่าในปีพ.ศ. 2559 เป็นยุคที่เข้าสู่เรื่องของงานด้านดิจิตอลออนไลน์อย่างแท้จริง ด้วยปัจจัยความพร้อมในเรื่องของโครงสร้างต่างๆ (Infrastructure) ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างเด่นชัด คือ เรื่องการคมนาคม ที่ภาครัฐมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าออกไปสู่เขตปริมณฑลมากขึ้น และจะทยอยเสร็จในปีนี้ ทำให้ประชาชนมีความสะดวกต่อการเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากยิ่งขึ้น ประหยัดทั้งเวลาในการเดินทาง

      รวมถึงมีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นตามชานเมือง ตอบรับในเรื่องของการเดินทาง และเรื่องของที่อยู่อาศัยโดยรอบกรุงเทพ ทำให้งานใหญ่ๆ หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในเมืองอย่างเดียว รวมถึงปัจจัยด้านการสื่อสาร หลังจากที่มีการประมูลสัญญาน 4G เสร็จสิ้นไป ส่งผลให้การพัฒนาในเรื่องของเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต ขยายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ ตามต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น มีการออกโปรโมชั่น และแข่งขันกันของค่ายโทรศัพท์มือถือ มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา การปรับเปลี่ยนพื้นฐานโทรศัพท์จาก 2G ให้ก้าวเข้าสู่ระบบ 3G และ 4G ซึ่งจะทำให้เข้าถึงคนในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งทำให้สามารถรองรับกิจกรรมทางการตลาดได้ดียิ่งขึ้น

      และด้วยปัจจัยหลักทั้งสองปัจจัยนี้ ส่งผลดีกับธุรกิจอีเว้นท์ที่ต่อไปงานต่างๆ จะไม่ได้กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองอีกต่อไป แต่จะขยายสู่ชานเมือง และต่างจังหวัดมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเชื่อว่าจะส่งผลให้สเกลของงานอีเว้นท์เปลี่ยนไป โดยงานจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1. งานที่มีสเกลระดับใหญ่ และ 2. งานในระดับเล็ก โดยงานที่มีสเกลระดับใหญ่ เพื่อตอบโจทย์ในการสร้างอิมแพคให้กับแบรนด์หรือสินค้า เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวงกว้างหรือ Mass ส่วนงานในระดับเล็ก จะมีการอาศัยสื่อดิจิตอล งานด้านออนไลน์ เป็นตัวช่วยขยายการรับรู้ ในขณะที่งานในระดับกลางจะถูกลดลงจำนวนลงเรื่อยๆ

     และจากปกติงานด้านอีเว้นท์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (Niche) ก็จะมีการแบ่งแยกย่อยลงไปอีก คือ ‘Niche’ มากยิ่งขึ้น เพราะจะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ตามความสนใจของผู้บริโภคได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้จากมีการแบ่งกลุ่มในสังคม หรือมี ‘Community’ ที่เกิดขึ้นใหม่แบบลงรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เช่น การฟังเพลง คอนเสิร์ต ที่มีในรูปแบบความชอบที่แตกต่างกัน ความสนใจในแนวเพลงที่เฉพาะเจาะจง แตกต่างกันมากยิ่งขึ้น โดยการตลาดในปี 2559 จะเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า ดิจิ-ไลฟ์-เอ็กซ์พีเรียนส์ (Digi-Live Experience) กล่าวคือ งานจะต้องมีส่วนเกี่ยวโยง มีความเข้าใจในเรื่องของดิจิตอล (Digital) มีความสดใหม่แบบทันท่วงที (Live) และสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างกลุ่มเป้าหมาย และแบรนด์หรือสินค้านั้นๆ ได้ ด้วยปัจจัยที่ชีวิตคนเราเร็วขึ้น ง่ายขึ้น ฉะนั้นเนื้องานที่จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องเป็นงานที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และสื่อสารออกไปได้อย่างทันที ในช่วงเวลานั้นๆ เช่นเดียวกัน ต้องเกิดการรับรู้ในโลกออนไลน์

    ที่สำคัญต้อง เป็นเรื่องจริง’ (Real) สามารถสัมผัสผ่านการรับรู้ได้ถึงประสบการณ์ร่วมระหว่างบุคคลที่เข้าร่วมงานอีเว้นท์นั้นจริงๆ กับสิ่งที่ผู้จัดงานต้องการที่จะสื่อสารด้วย ในมุมของนักการตลาดต่างต้องปรับแผนการสื่อสารการตลาดในด้านของงานแคมเปญ และกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ให้สอดคล้องกับไลฟสไตล์ และพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความนิยมเดินทางท่องเที่ยวไปไหนมาไหนที่อิสระ นิยมการแชร์ และแบ่งปันประสบการณ์ร่วมในโลกของสังคมออนไลน์ เกิดเป็นชุมชนที่เป็นการรวมตัวของคนที่มีความสนใจร่วมกัน ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ รวมถึงปรับกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้คำว่า ดิจิตอลกลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ มีบทบาท และอิทธิพล ตั้งแต่ตื่นนอน ออกไปทำงาน อยู่นอกบ้าน จนกระทั่งกลับมาบ้าน ที่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต้องการความสด เร็ว และจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

     นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน  กล่าวต่อว่า สำหรับอินเด็กซ์ฯ เอง เรามีบริษัทในเครือที่ดูแลในเรื่องของงานด้านออนไลน์ กลยุทธ์ในการทำออนไลน์ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั่นคือ แฮปปิโอ้ รวมถึงมีหน่วยงานวางแผนกลยุทธ์ในด้านการสื่อสาร ซึ่งก็ได้มีการวางแผนการทำงานด้วยกัน เชื่อมโยงธุรกิจ (Synergy) ในแง่มุมของการทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนางานในรูปแบบใหม่ๆ เชื่อมโยงการสื่อสาร งานด้านอีเว้นท์ และออนไลน์ให้ผนวกเป็นเรื่องเดียวกัน ตามการเข้าสู่ยุคของ ดิจิ-ไลฟ์-เอ็กซ์พีเรียนส์’ (Digi-Live Experience) อย่างแท้จริงในปีนี้ นอกจากนั้น ในปีนี้ อินเด็กซ์ฯ ยังเดินหน้ารุกตลาดงานที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ในรูปแบบใหม่  ผ่านประสบการณ์ของผู้บริโภค ทั้งงานด้าน ไลฟสไตล์ เอ็กซ์พีเรียนส์’ (Lifestyle Experience) รวมถึงงานพิพิธภัณฑ์ และงานนิทรรศการ (Museum and Exhibition) ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามที่อินเด็กซ์ฯ ได้ปูทาง และบุกธุรกิจด้านพิพิธภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ จะได้เห็นงานในรูปแบบใหม่ๆ ด้านพิพิธภัณฑ์ ในโปรเจคใหญ่ๆ ไม่ต่ำกว่า 3 งาน

    จากที่อินเด็กซ์ฯ ได้มีการขยายธุรกิจออกสู่ภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับได้มีการจัดทัพปรับแผนกลยุทธ์เมื่อกลางปี 58 ที่ผ่านมา และรีเฟรช (Refresh) องค์กร โดยปรับโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มหลัก โดยในปีนี้ 2559 เชื่อว่าจะมีรายได้กว่า 1.75 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 7% โดยแบ่งเป็นรายได้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ครีเอทีฟ โซลูชั่น (Creative Solutions)  คิดเป็น 56.3%  2. มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) คิดเป็น 32.3%  3. ธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wings) คิดเป็น 5.2% และ 4.ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรี่ยน (Lifestyle Experience) คิดเป็น 6.2% ในปี 59 นี้ อินเด็กซ์ฯ จะโฟกัสในส่วนของไลฟสไตล์ เอ็กพีเรี่ยนมากขึ้น รวมถึงสร้างความแข็งแรงในต่างประเทศ ด้วยความหลากหลายด้านธุรกิจที่รองรองรับความต้องการทุกของกลุ่มเป้าหมายนายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย

 ข้อมูลเพิ่มเติม

                ในปัจจุบัน บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็นผู้นำ และศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์  ‘Hub of Creativity’ ในภูมิภาคอาเซียน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ ด้วยสโลแกนที่ว่า ‘Never Stop Creating’ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ

                1.       กลุ่มธุรกิจ Creative Solutions งานบริการด้านการตลาดภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วย

·        งานด้านอีเว้นท์ (Event Creator)

ให้บริการด้านวางแผน วางกลยุทธ์ การบริหารจัดการงานอีเว้นท์

·        งานด้านผลิตรายการทีวี (TV Production)

ผลิตและสร้างสรรค์รายการทีวีด้วยไอเดียที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร

·        งานด้านดิจิตอล ออนไลน์ (Digital Online)

ให้คำปรึกษา และจัดทำแผนการตลาดในโลกออนไลน์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์

·        งานด้านอินสโตร์ มีเดีย (In-store Media)

ผลิตและสร้างสรรค์สื่อสำหรับอินสโตร์ ทั้งสื่อทั่วไป และสื่อนวัตกรรมพิเศษ

·        งานด้านการสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ (Communications)

การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสาร โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

·        งานด้านเอ็กซ์ซิบิชั่น และนิทรรศการถาวร (Museum & Exhibition)

การวางกลยุทธ์ และบริหารจัดการงานด้านเอ็กซ์ซิบิชั่น และนิทรรศการถาวร

2.       กลุ่มธุรกิจ Marketing Services งานบริการส่งเสริมด้านการตลาด ประกอบด้วย

·        งานด้านการวิจัย (Research Consulting)

ที่ปรึกษางานวิจัยในแง่มุมต่างๆ รวมทั้งงานด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค

·        งานด้านการบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Marketing Consulting)

การศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ และการทำตลาด รวมถึงวิเคราะห์ และวางแผนกลยุทธ์ให้กับองค์กรและงานในโปรเจคพิเศษ

·        งานด้านธุรกิจให้บริการให้เช่าอุปกรณ์ (Equipment Supply)

การให้บริการด้านแสง สี เสียง อุปกรณ์เครื่องเล่น การจัดแสดงทั้งใน และต่างประเทศ ประกอบงานด้านกิจกรรมการตลาด

·        งานด้านการพิมพ์ การออกแบบตกแต่ง (Printing and Decoration)

การให้บริการด้านงานพิมพ์ทุกประเภท รวมถึงการออกแบบตกแต่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สำนักงาน  เป็นต้น

·        งานด้านการจัดเลี้ยง งานสังสรรค์ ปาร์ตี้ งานแต่งงาน ในรูปแบบที่แตกต่าง

·        งานด้านการผลิตวีดีโอ พรีเซนเทชั่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค 3D แอนนิเมชั่น รวมถึงห้องตัดต่อ ห้องสตูดิโอ

3.       กลุ่มธุรกิจการดำเนินงานในภูมิภาค (ASEAN Wings)

    งานด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน กับการขยายธุรกิจออกสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ประเทศเมียนมาร์ เวียดนาม รวมถึงประเทศในแผนยุทธศาสตร์ เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 5 เครื่องมือหลัก คือ งานด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketing) งานด้านการจัดเฟสทีฟ อีเว้นท์ (Festive Event) งานด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านงานวิจัย (Consumer Insight: Research) การสร้างช่องทางในการสื่อสารแบบผสมผสาน (Integrated Media Platform) การจัดงานแฟร์ และเอ็กซิบิชั่นทุกรูปแบบ (Professional Exhibition Organizer) เพื่อรองรับตลาดภาคธุรกิจสู่ธุรกิจ ในรูปแบบการตลาดผสานความคิดสร้างสรรค์แบบครบวงจร (Creative Marketing Solutions)

4.       และ กลุ่มธุรกิจด้านงานไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Experience) คือ กลุ่มธุรกิจที่สร้างประสบการณ์ใหม่ และตอบสนอง ไลฟสไตล์ของผู้บริโภคทั้งในด้านบันเทิง และในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย

·        ด้านคอนเสิร์ตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (Domestic & International Concert)

·        ด้านโชว์บิซ (Showbiz) งานด้านละครเวที ผสานเทคนิคทันสมัย

·        ด้านไลฟ์ เฟสติวัล (Live Festival) งานแสดงกิจกรรมพิเศษในช่วงเทศกาล

·        ด้านนิทรรศการในรูปแบบโรดโชว์ (Traveling Exhibition) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!