- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 20 September 2015 23:23
- Hits: 15580
'หอยบุษราคัม' เมือกเพิ่มมูลค่าต่อยอดผลิตภัณฑ์ความงาม
บ้านเมือง : เมื่อเร็วๆ นี้ คณะวิทย์ฯ จุฬาฯ ร่วม สกว. แถลงข่าว ‘หอยต้นไม้ชนิดใหม่ของโลก’ สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานชื่อ ‘หอยบุษราคัม’ เมือกเพิ่มมูลค่าสู่อุตสาหกรรมความงามได้ พร้อมการค้นพบ ‘หอยนกเหลืองแม่สอด’ แจงหอยทากเป็นตัวชี้วัดป่าสมบูรณ์
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดการแถลงข่าว "หอยต้นไม้ชนิดใหม่ของโลก" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อ 'หอยบุษราคัม' พร้อมเปิดเผยการค้นพบหอยทากสวยงามอีก 1 ชนิด โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมงานแถลงข่าว
จากการศึกษาความหลากหลายของสปีชีส์หอยทากบกในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 30 ปี ของคณะนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ได้ประมาณการว่ามีหอยทากบกในประเทศไทยทั้งสิ้น 1,000-1,500 ชนิด และยังค้นพบหอยทากชนิดใหม่ของโลกประมาณ 100 ชนิด ซึ่งหลายชนิดมีความโดดเด่น เช่น หอยทากจิ๋วที่มีรูปร่างหลากหลายแปลกตา และหอยนักล่าที่มีลำตัวสีสดใส รวมถึงหอยต้นไม้ที่มีสีสันสวยงาม จนได้รับการขนานนามว่า "อัญมณีแห่งพงไพร"
โดยล่าสุดได้ค้นพบหอยต้นไม้สวยงามชนิดใหม่ของโลก 2 ชนิด โดยชนิดแรกพบที่เกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้รับพระราชทานชื่อหอยว่า "หอยบุษราคัม" ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amphidromus principalis Sutcharit & Panha, 2015 (แอมฟิโดรมัส พรินซิพาลิส) จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
"จากลักษณะของเปลือกที่มีสีเหลืองแวววาว เปรียบดั่งพลอยบุษราคัมล้ำค่า เป็นทรัพยากรสำคัญและมีมูลค่าแก่การอนุรักษ์บนผืนป่าในหมู่เกาะแห่งท้องทะเลไทย หอยบุษราคัมมีเปลือกสีเหลืองแวววาว มีสีลำตัวสีขาวนวลอาศัยอยู่บนต้นไม้ในป่าดิบชื้นตามเกาะในอ่าวไทย บริโภคสาหร่ายและไลเคนบนผิวต้นไม้ ดำรงชีวิตบนต้นไม้ตลอดชีวิต มีเปลือกเวียนทางด้านซ้ายทุกตัวทั้งประชากร ศัตรูธรรมชาติ คือนกหลายชนิดและหนู
มีการผลิตเมือกจากเท้าและแมนเทิลที่ทำสีขาวใส ช่วยเคลือบผิวลำตัวให้ขาวมันแวววาว มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณที่ละเอียดอ่อน มีศักยภาพไปสู่อุตสาหกรรมเวชสำอางได้อีกด้วย ทั้งนี้ ความหมายภาษาละตินคำว่า 'principalis' มีความหมายว่า'of the princess'อันหมายถึงองค์สมเด็จพระเทพฯ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นองค์ประธานแห่งโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ด้วย" ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าว
ส่วนหอยชนิดที่สองที่ค้นพบใหม่คือหอยต้นไม้ชนิด'หอยนกเหลืองแม่สอด'หรือหอยนกขมิ้นขอบวงน้ำตาล Amphidromus globonevilli Sutcharit & Panha, 2015 (แอมฟิโดรมัส โกลโบเนวิลไล) จากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หอยชนิดนี้อาศัยเฉพาะถิ่นบนต้นไม้ตลอดชีวิต เปลือกมีสีเหลือง มีแถบสีน้ำตาลอยู่ตามรอยเวียนของเปลือกรองสุดท้ายและวงสุดท้าย ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน
หอยทั้งสองชนิดใหม่ที่ค้นพบนี้นับเป็นทรัพยากรชีวภาพที่ใช้เป็นดัชนีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และได้เห็นธรรมชาติของหอยอันเป็นปรากฏการณ์ที่นำไปสู่การนำหอยมาเป็นดัชนีการอนุรักษ์ป่า การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มสู่อุตสาหกรรมความงามได้อีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบในครั้งนี้ทำให้ 'หอยบุษราคัม' กลายเป็นทรัพยากรทางพันธุกรรมที่สำคัญและนำไปสู่การอนุรักษ์ระบบนิเวศป่าอันจำเพาะ การค้นพบครั้งนี้ได้รับตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ 'ZooKeys 2015'อันเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยแก่สาธารณชน และสร้างความตระหนักให้แก่คนไทยให้เห็นความสำคัญและช่วยกันอนุรักษ์ดูแล
ทั้งนี้ คณะวิจัยได้ร่วมกับผู้ประกอบการในการนำเมือกหอยทากมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เซรั่มลดริ้วรอยและช่วยให้ผิวสดใสขาวเนียน เต่งกระชับ นุ่มชุ่มชื้น ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่าผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดถึง 30 เท่า ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ www.siamsnail.com
และมีเป้าหมายในการสร้างฟาร์มหอยทากครบวงจรที่เลี้ยงกึ่งธรรมชาติแห่งแรกของโลกแถวสุวรรณภูมิ โดยมีแหล่งเก็บพันธุกรรมที่สระบุรี ขณะที่ผู้อำนวยการ สกว. ระบุว่า งานวิจัยนี้นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางธุรกิจจนได้ผลิตภัณฑ์ความงามที่มีคุณภาพดีเพียงพอที่จะจัดจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ