- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 29 August 2015 16:14
- Hits: 3119
เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ร่วมมือกับ พีที ซิดน่า ฟาร์มา รุกตลาดเวชกรรมในอินโดนีเซีย
บรรยายภาพ (จากซ้าย): นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) และ นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ร่วมลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ ณ กรุงจาการ์ต้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอาเซียนขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ พีที ซิดน่า ฟาร์มา หนึ่งในบริษัทด้านเวชภัณฑ์ชั้นนำของอินโดนีเซีย
นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในพิธีลงนามในสัญญาว่า “อินโดนีเซียถือเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12.5 ต่อปี การร่วมทุนกับบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา นี้จะเป็นอีกหนึ่งย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจในวงการเฮลธ์แคร์ และเมก้ามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานี้”
สัญญาฉบับนี้จะทำให้เมก้าสามารถนำระบบการจัดส่งประสิทธิภาพสูงเข้าไปใช้ในการจัดส่งยาในอินโดนีเซียได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดยการดำเนินการถ่ายทอดทักษะด้านระบบเทคโนโลยีและการจัดการการผลิต ผ่านบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในพื้นที่
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงนี้จะทำให้เมก้าสามารถเข้าครอบครองตลาดที่ใหญ่สุดในอาเซียน ด้วยการนำความชำนาญในการทำธุรกิจด้านเวชกรรมมาผนวกกับความสามารถด้านการผลิตอันแข็งแกร่งของซิดน่า ฟาร์มา ซึ่งจะทำให้เมก้าสามารถเจาะตลาดเข้าไปจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพสูงได้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสองบริษัทกำลังจะร่วมกันเปิดโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย และลงทุนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จดทะเบียนใหม่ๆ และการขายร่วมกันอีกด้วย
การร่วมทุนนี้เกิดขึ้นจากการบังคับใช้แผนการประกันสุขภาพแห่งชาติของอินโดนีเซียหรือ BPJS เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 โดยในปัจจุบัน ประเทศอินโดนีเซียมีบริษัทผู้ผลิตจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจด้านเวชกรรมทั้งที่เป็นของอินโดนีเซียและของต่างชาติรวมราว 175 บริษัท และการร่วมมือระหว่างบริษัทไทยและอินโดนีเซียในครั้งนี้จะทำให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน
มูลค่าตลาดในกลุ่มเฮลท์แคร์ทั้งหมดของอินโดนีเซียอยู่ที่ 23 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยตลาดเวชกรรมมีมูลค่าประมาณ 6.24 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยจำนวนประชากรของอินโดนีเซียกว่า 256 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและไทยในครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมีความแข็งแกร่งมากขึ้น นับตั้งแต่อินโดนีเซียมีการบังคับใช้กฎหมายในปี พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้บริษัทเวชภัณฑ์ต่างชาติต้องเข้าเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอินโดนีเซียจึงจะทำการจดทะเบียนสินค้าได้
นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา กล่าวว่า “ซิดน่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทสัญชาติไทยอย่าง เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพระดับโลกในตลาดอินโดนีเซีย ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ถือเป็นแบบอย่างในการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญระหว่างประเทศในอาเซียนด้วยกัน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแท้จริงของการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”
Mega Lifesciences set to capture Indonesia market with PT Sydna Farma
Photo L-R: Mr. Vivek Dhawan, CEO and Chief Coach of Mega Lifesciences, and
Mr. Setiawan Aluwi, President Director of PT Sydna Farma, at the official contract signing ceremony in Jakarta, Indonesia.
Mega Lifesciences Public Company Ltd., a Thailand-based pharmaceutical leader, has expanded into Indonesia with a partnership with one of Indonesia’s foremost pharmaceutical players, PT Sydna Farma.
Mr. Vivek Dhawan, CEO and Chief Coach of Mega Lifesciences, said on the occasion of the signing that, “Indonesia is an important and emergent pharmaceuticals market with a strong growth rate of 12.5 percent per annum. And this new partnership with PT Sydna Farma signals a positive new area of business and healthcare that we are honored to be a part of.”
The contract permits Mega Lifesciences to introduce efficient drug delivery systems through Indonesia’s PT Sydna Farma at lower cost. These will be built with Indonesian expertise through technology transfers and a manufacturing arrangement.
The broader aim of the agreement is to capture ASEAN’s largest market through leveraging Mega’s pharmaceutical know-how and Sydna Farma’s strong local manufacturing capabilities, improving market penetration with a range of high-quality pharmaceutical and neutraceutical products. In the near term the parties will work to set up a manufacturing plant in Indonesia, while jointly investing in new product development registration and sales.
This collaboration comes after the first mandatory Indonesian national health insurance program, BPJS, officially started on January 1, 2014. Indonesia currently has approximately 175 listed local and multi-national manufacturing companies in the Pharmaceutical sector and this Indonesian-Thai amalgamation will now be one of largest in ASEAN.
Indonesia’s pharma market is estimated at $6.24 billion USD, with the total Health Care market at $23 billion USD. With South East Asia’s largest population of 256 million, partnerships between Indonesia and neighboring Thailand represent stronger commercial ties after Indonesia’s 2008 regulation implementation that foreign pharma companies must partner with local manufacturers to register products.
Mr. Setiawan Aluwi, President Director of PT Sydna Farma, commented that, “Sydna is delighted to be partnering with Mega Lifesciences, one of Thailand’s most respected pharmaceutical companies, to deliver world-class pharmaceuticals and nutraceuticals to the Indonesian market. Truly our partnership represents the spirit and know-how of a united ASEAN.”
About Mega Lifesciences Public Company Limited
Mega Lifesciences Public Company Limited manufactures, markets, sells, and distributes high-quality medicines, including nutritional supplements and pharmaceuticals, in emerging markets internationally. Mega Lifesciences is focused on servicing fast-growing, developing markets, with its branded products being sold in a total of 31 countries around the globe.
Mega Lifesciences is composed of two main divisions: Mega We Care, which focuses on manufacturing, sales, and marketing; and Maxxcare, which focuses on distribution.
Mega Lifesciences’ manufacturing facilities have received international accreditation from the Therapeutic Goods Administration of Australia and the Federal Institute for Drugs and Medical Devices (BfArM - Germany), as well as adhering to European Union Good Manufacturing Practices.
Mega Lifesciences is listed on the Stock Exchange of Thailand (SET) under the ticker symbol ‘MEGA’.