- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 05 August 2015 12:09
- Hits: 4190
ค้าปลีกดุเดือดหั่นราคาแข่ง 16 หลัก 'โลตัส-บิ๊กซี'จัดโปรโมชั่นดูดลูกค้า
ไทยโพสต์ : ราชประสงค์ * ค้าปลีกเปิดศึกสงครามราคา อัดโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ด้านโฮมโปรโชว์ผลงานครึ่งปี 58 กวาดยอดขาย 25,534.98 ล้านบาท โต 10.53%
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก "เทสโก้ โลตัส" เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบลงทุนด้านราคาเป็น 3,000 ล้านบาท จากปกติในแต่ละปีเฉลี่ยแล้วจะใช้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทำให้การปรับราคาสินค้าถูกลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคชาวไทยให้สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาไม่สูงท่ามกลางสภาพของกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก บริษัทมองว่าเพื่อเป็นการให้กลุ่มลูกค้าสามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้ตรงตามความต้องการ
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ เริ่มแคมเปญปรับลดราคาสินค้า ประเภทอาหารสดให้เป็นราคาค้าส่งหรือถูกกว่าคู่แข่งในตลาดประมาณ 15% จำนวน 150 รายการ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี จากประชาชนเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายอาหารสดบางอย่างเติบโตขึ้นเท่าตัว ตอนนี้บริ ษัทกำลังวางแผนจะเพิ่มรายการสินค้าขึ้นอีก รวมถึงยังขยายไปโปรโมชั่นนี้ไปยังรูปแบบโลตัส เอ็กซ์เพรส จากเดิมที่เน้นการจัดในสาขาขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมาอีกด้วย
นางสาววารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็น เตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 เชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากภาครัฐได้เริ่มมีการใช้งบประมาณในโครงการต่างๆ ซึ่งก็ส่งผลดีแก่กลุ่มผู้บริโภคระดับล่าง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกคงจะมีการแข่งขันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก ซึ่งในส่วนของบริษัทก็มีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกหลายแคม เปญ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในทุกไตรมาส
ล่าสุดบริษัทได้จัดแคม เปญ "บิ๊กซีฉลอง 22 ปีรวยง่ายไม่ต้องช้อป" เพียงพิมพ์ บีซีซี ตามด้วยรหัสสมาชิกบิ๊กการ์ด 16 หลัก ส่งมาตามหมายเลขที่ระบุ เพื่อลุ้นรับทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมส่งเสริมการขายที่บริษัททำแค่เพียงเฉพาะอาหารสดก็ใช้งบลงทุนด้านราคาไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งหากรวมทุกกลุ่มสินค้าคาดว่าจะใกล้เคียง 3,000 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 4.7% ปัจจัยหลักมาจากรายได้จากค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5%
ด้านนายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ของบริษัทและบริษัทย่อย ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีผลกำไร สุทธิเท่ากับ 1,553.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.35 ล้านบาท หรือ 2.33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมจำ นวน 27,215.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,600.88 ล้านบาท หรือ 10.57% โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขาย จำนวน 25,534.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,432.92 ล้านบาท หรือ 10.53% ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้นสำหรับครึ่งปีแรก จำนวน 6,561.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 500.86 ล้านบาท หรือ 8.26% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงเล็กน้อยจาก 26.23% ในปีก่อนเป็น 25.70% ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมกันของโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกาโฮม ที่ต่ำกว่าธุรกิจของโฮมโปร.
