WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BifCจรยา จราธวฒนประธานสมาคม ค้าปลีกมึนยอดขายตก เร่งปรับกลยุทธ์กระตุ้นจับจ่าย

     แนวหน้า : ประธานสมาคมค้าปลีกฯ ระบุยังไร้สัญญาณสดใส เจอปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศรุมเร้า คาดทั้งปี58 โตแค่ 3.2% เมินกระแสปรับครม. เดินหน้าลงทุนปรับกลยุทธ์จูงใจลูกค้า ปั๊มยอดขาย วอนภาครัฐเร่งสร้างบรรยากาศการกระตุ้น การท่องเที่ยวและบริการ ลดภาษีนำเข้าสินค้าชั้นนำ

     นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกค้าส่งไทยปี 2558 คาดจะขยายตัวที่ 3.2% โดยครึ่งปีหลังภาคค้าปลีกยังไม่มีสัญญาณการค้าที่สดใสเท่าที่ควร เพราะมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้านทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะเดียวกันระดับหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้มีรายได้ระดับกลางถึงล่างลดลง ขณะที่ภัยแล้งก็มีส่วนที่อาจจะฉุดกำลังซื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการเกษตรให้ลดลงตามไปด้วย

     ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทยเห็นว่า ภาครัฐควรสร้างบรรยากาศการซื้อขาย กระตุ้นการท่องเที่ยวและบริการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่มีรายได้ระดับกลางถึงบนหันมาใช้จ่ายภาคการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ควรพิจารณา ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าในกลุ่มแฟชั่นชั้นนำ (Luxury Brand) เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มขึ้น

     ส่วนกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้นเห็นว่า ถ้าไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคค้าปลีกอย่างแน่นอน โดยผู้ประกอบการค้าปลีกยืนยันเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม เพราะใช้เวลา 3-5 ปีคืนทุน พร้อมเตรียมกลยุทธ์ส่งเสริมการขายครึ่งปีหลัง ทั้งกลยุทธ์ด้านราคา ดึงดูดลูกค้าด้วยความแตกต่างและตามกระแสให้ทัน เชื่อว่าจะมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ มากขึ้น

     สำหรับ ภาพรวมดัชนีอุตสาหกรรมผู้ค้าปลีกไทยครึ่งปีแรกของปี 2558 ขยายตัว 2.8% เป็นผลจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้สินค้าหมวดคงทน เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เติบโต 2.7% สินค้ากึ่งคงทน เช่น สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ เติบโต 3% และสินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร เติบโต 2.8% สะท้อนถึงกำลังซื้อในผู้บริโภคระดับรายได้ต่ำและเกษตรกรที่ยังไม่ฟื้นตัว และหนี้สินของครัวเรือนยังอยู่ในเกณฑ์สูง

     ส่วนการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีแรกยังขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่องทุกประเภท คอนวิเนี่ยนสโตร์ขยายตัว 2.8%ซูเปอร์มาร์เก็ตขยายตัว 8.5% ซูเปอร์เซ็นเตอร์ขยายตัว 1.8% ดีพาร์ทเม้นสโตร์ขยายตัว 3% และกลุ่มร้านค้าเฉพาะทางขยายตัว 2.7% ส่งออกแย่สุด

ค้าปลีกโตต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ฐานะการคลัง9เดือนแข็งปึ้ก

     ไทยโพสต์ : ราชประสงค์ *คาดภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปี 2558 โตแค่ 3% ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ หลังเจอปัญหารอบด้าน ด้านฐานะการคลัง 9 เดือนล้น รัฐบาลนำส่งรายได้ 1.63 ล้านล้านบาท แถมเบิกจ่ายทะลุเป้า

     นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการขยายตัวธุรกิจค้าปลีกช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 2.8% ปัจจัยหลักเกิดจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากทางภาครัฐ ดำเนินการล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ ทำให้ไม่มีเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งก็ได้ส่งผลกระทบมายังภาพรวมธุรกิจค้าปลีกด้วย

     สำหรับ แนวโน้มการเติบ โตของธุรกิจตลอดปี 2558 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ราว 3% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดของประวัติศาสตร์ จากมูลค่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2557 โดยเปรียบเทียบเมื่อปี 2555 จะเห็นได้ว่าค้าปลีกเติบโตถึง 12% ปี 2556 เติบโต 6% และปี 2557 เติบโต 3% และน้อยกว่าการประเมินไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่มองว่าค้าปลีกจะเติบโตได้ราว 6% เพราะคาดการณ์ว่าการลงทุนจากภาครัฐจะสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงเดือน มี..ที่ผ่านมา

     ทั้งนี้ ปัญหาของกำลังซื้อผู้บริโภคในระดับกลางและล่างยังคงชะลอตัว บวกกับปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น การตลาดในกลุ่มผู้บริโภคส่วนนี้ยังคงต้องเน้นใช้การลดราคาเป็นหลัก โดยผู้ประกอบการในไฮเปอร์มาร์เก็ต จะได้รับผลกระทบจากส่วนนี้โดยตรง เพราะมีเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว ส่วนการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกในครึ่งปีแรก 2558 ที่ผ่านมา ยังคงมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยรวมในประเภทร้านค้าปลีกต่างๆ ประกอบด้วย คอนวีเนียนสโตร์เติบโตขึ้น 2.8% ซูเปอร์มาร์เก็ตเติบโตขึ้น 8.5% ซูเปอร์เซ็นเตอร์เติบโตขึ้น 1.8% ดีพาร์ตเมนต์สโตร์เติบโตขึ้น 3% และกลุ่มร้านค้าเฉพาะทางเติบโตขึ้น 2.7%

     นางสาวจริยากล่าวว่า ความหวังของเศรษฐกิจประเทศ ไทยไปอยู่กับการลงทุนด้านต่างๆ จากทางรัฐบาล โดยในแต่ละครั้งที่มีการลงทุนเกิดขึ้นนั้น เงินลงทุนจะไหลเข้าสู่ระบบก็ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนจึงจะเห็นความชัดเจน แต่ตอนนี้โครงการต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบมายังภาพรวมค้าปลีก

     ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (..57-มิ..58) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1.63 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.21 หมื่นล้านบาท หรือ 5.3% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และการนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียนและการนำส่งรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz

     ขณะที่การเบิกจ่ายงบประ มาณ อยู่ที่ 2.03 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.32 แสนล้านบาท หรือ 7% ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ..2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.63 แสนล้านบาท

     "การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 7% สะท้อนถึงความพยายามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป" นายกฤษฎากล่าว.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!