WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Lamont

'ลามอน'ตั้งเป้าไปให้ถึง โกลบอล แบรนด์ มุ่งปั้นเครื่องสำอางพันธุ์ไทยผงาดขายในคิงเพาเวอร์

    บ้านเมือง : 'รัฐนินท์ เลิศศิริธานนท์' ปักธงปั้นแบรนด์ 'ลามอน' เจาะตลาดครีมยกกระชับ ดังไกลเทียบชั้นโกลบอล แบรนด์ ตั้งเป้า 3 ปี ส่งขายต่างประเทศ คาดยอดขายสิ้นปี 60 ล้าน ขยายจุดจำหน่าย 200 แห่ง โชว์สินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียอดขายเพิ่ม 30% ต่อเดือน มั่นใจได้ลองใช้แล้วจะต้องซื้อ เจาะกลุ่มสาว 40 ขึ้นไป

   นายรัฐนินท์ เลิศศิริธานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ลามอน สกินแคร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจาก ผลิตภัณฑ์ 'LA MONDE SKINCARE' เปิดตัวออกสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ทำตลาดจริงเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์มี 3 ชนิด ประกอบด้วย เซรั่ม อิมูชั่น อายครีม ซึ่งคาดว่าในปี 59 จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นครีมยกกระชับคอ และในส่วนอื่นของร่างกาย

   เนื่องจากลูกค้าเห็นผลถึงคุณภาพสินค้าที่ได้ผลอย่างแท้จริง ยอดขายเพิ่มเดือนละ 30% โดยตั้งเป้าสิ้นปีจะมียอดขายทั้งสิ้น 10 ล้านบาท และในปี 59 ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 60 ล้านบาท พร้อมมีเคาน์เตอร์แบรนด์ LA MONDE ในห้างสรรพสินค้า และคาดว่า 3 ปีจากนี้ไป จะวางจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาท ขณะนี้มีการเจรจากับทางประเทศลาว พม่า เวียดนาม และฮ่องกง ไปแล้ว

   สำหรับ มูลค่ารวมตลาดเครื่องสำอางมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่ละปีมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ 'LA MONDE SKINCARE' สามารถเข้าไปเจาะตลาดครีมยกกระชับได้อย่างไม่ยากนัก เนื่องจากสินค้าผ่านการวิจัยมาทดลองตลาดจนแน่ใจและสำเร็จออกมาเป็น 'ลามอน'ใช้เวลาประมาณ 3 ปี ใช้เงินลงทุนไปกว่า 40 ล้านบาท และจากการให้กลุ่มเป้าหมายมีโอกาสทดลองใช้พบว่ากว่า 99% ชอบกับผลลัพธ์ที่เห็นและซื้อใช้ทันที

   สำหรับ กลยุทธ์ในการทำงาน และถือเป็นจุดแข็งของลามอน ในขณะนี้การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายรอง คือหญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป

   เนื่องจากตลาดครีมยกกระชับไม่ใช่กลุ่มใหญ่แต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และจากการวิจัยตลาดพบว่าผู้หญิงวัย 40 อัพจะเริ่มดูแลตัวเอง โดยหันไปพึ่งพาการทำทรีทเมนท์ในบิวตี้ช็อป หรือไปคลินิกเพื่อฉีดสารต่างๆ ทั้งโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม รวมทั้งการเข้าคอร์สนวดเพื่อยกกระชับ ซึ่งต้องใช้เวลาหรือเจ็บตัว รวมทั้งเสียค่าใช้จ่ายสูงหลักหมื่นไปถึงแสนบาท จึงมองว่าหากมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกกระชับได้จริงในราคาสมเหตุสมผล ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

   "ลามอน ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนชื่อแบรนด์ "ลามอน" เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า "โลก" ตรงกับคอนเซ็ปต์ของสินค้า โดยสะท้อนว่าโลกของเราประกอบด้วยธรรมชาติสิ่งสวยงามแต่ก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาเหมือนผู้หญิงที่ตอนอายุน้อยผิวยังเต่งตึง พออายุมากขึ้นก็ต้องมีริ้วรอยเป็นเรื่องธรรมชาติ ทั้งหน้าผาก หางตา ร่องแก้ม ซึ่งผู้หญิงทุกคนอยากให้ตัวเองสวยดูดีนานที่สุดผลิตภัณฑ์ตัวนี้จึงเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักอายุ 45 ปีขึ้นไป"

    สำหรับ ช่องทางการจำหน่าย ลามอนจะเน้นขายในกรุงเทพฯ ก่อนเป็นหลัก วางขายตามคลินิกสถานเสริมความงามร้านค้าบิวตี้ช็อปต่างๆ และเน้นออกบูธร่วมงานแสดงสินค้า ปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 150 แห่ง และตั้งเป้าสิ้นปีจะมีจุดจำหน่าย 200 แห่ง และทางบริษัทมีทีมบริการหลังการขาย ที่ให้คำปรึกษากับลูกค้าไปพร้อมกันด้วย

   "ลามอนมีทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานที่แข็งแรง ประกอบกับมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง จึงมั่นใจได้ว่าทั้งตัวผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิตมีมาตรฐาน ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้แน่นอน"

    นายรัฐนินท์ กล่าวต่อว่า ในอนาคตอยากเห็นแบรนด์ลามอนเป็นที่รู้จักในวงกว้างและอยากอัพเกรดตัวเองเข้าไปอยู่ในเคาน์เตอร์แบรนด์ เช่น โมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้า และในคิงเพาเวอร์ จึงต้องเร่งสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่การจะสร้างความเชื่อมั่นและดึงให้คนมาทดลองใช้ได้ต้องมาจากการบอกปากต่อปาก แต่ไม่เน้นการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีไว้เพื่อติดต่อกับลูกค้าเท่านั้น

    "ยอมรับว่า การสร้างแบรนด์ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนไทยไม่ค่อยเชื่อมั่นหรือทดลองใช้สินค้าใหม่ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่เมื่อลูกค้าทดลองใช้มีกระแสตอบรับดี สามารถเปลี่ยนใจลูกค้าที่เคยใช้แบรนด์ดังมาใช้ลามอนแล้วจำนวนมาก สร้างความเชื่อมั่นว่าแบรนด์ ลามอน จะสามารถขึ้นไปเป็นสินค้าระดับโกลบอล แบรนด์ได้ในอนาคต ไม่เกิน 10 ปีจากนี้ไป" นายรัฐนินท์ กล่าวท้ายสุด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!