- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 27 June 2015 10:11
- Hits: 1950
'เดอะมอลล์'ชี้ค้าปลีกซบอาร์ทีบีขายตกปรับแผนสู้ ทุ่ม 100 ล. สู้โค้งสุดท้าย
ไทยโพสต์ : สยาม * ปัจจัยลบกระทบภาพ รวมค้าปลีกโตไม่ถึง 5% ‘เดอะมอลล์’สู้ไม่ถอยครึ่งปีหลังเตรียมงบการตลาดไว้อีก 1,000 ล้านบาท อาร์ทีบีเจอมรสุมเศรษฐกิจ ขายฝืด ปรับกลยุทธ์เพิ่มสินค้า
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้บริหารเดอะ มอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมค้าปลีกช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคก็ยังมีหนี้ครัวเรือนสูงอยู่ จึงหันไปหาสินค้าทางเลือกที่มีราคาถูกกว่า คาดการณ์ว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบมายังภาพรวมค้าปลีกให้เติบโตได้ไม่ถึง 5%
สำหรับ ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจกลุ่มเดอะมอลล์ที่ผ่านมามีการเติบโตได้ราว 10% เป็นเพราะบริษัทได้ทำกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ อย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือน หรือมีความถี่มากกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทมองว่าครึ่งปีหลังยังคงจะเดินหน้าใช้งบการตลาดอีกราว 1,000 ล้านบาท เพื่อทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายอีกอย่างแน่นอน
"แม้ว่าจะมีปัญหาเศรษฐ กิจเกิดขึ้น แต่ชื่อกลุ่มเดอะมอลล์จะยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5.3 หมื่นล้านบาท หรือโตได้ราว 6-7% อย่างแน่นอน" นายชำนาญกล่าว
ด้านนายบรรพต วัฒนสม บัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมค้าปลีกมือถือและไอทีมีการเติบโตลดลงประมาณ 15-20% เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ยังไม่ดีมากนัก แต่สำหรับตลาดอุปกรณ์ตกแต่ง หรือโมบาย แอคเซสเซอรี่ ยังสามารถเติบโตไปได้ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-20% หรือคิดเป็นมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ และแนวโน้มการประมูล 4G ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 450 ล้านบาท บริษัทเตรียมทำตลาดเชิงรุก โดยทุ่มงบอีกกว่า 30 ล้านบาท เน้นส่งสินค้าในกลุ่มแวร์เอเบิลดีไวซ์ หรือกลุ่มอุปกรณ์ไอที สำหรับสวมใส่ และรวมถึงการเปิดตัวกลุ่มสินค้าใหม่ โฮม คอนเน็กเต็ด ดีไวซ์ ที่บริษัทตั้งใจจะนำมาเปิดตลาดในประเทศไทย.
เดอะมอลล์ฯ ทุ่ม 100 ล. สู้โค้งสุดท้าย
บ้านเมือง : นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 25% ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ทำให้คนไปช็อปปิ้งต่างประเทศน้อยลง แต่ช็อปปิ้งในประเทศมากขึ้น ส่วนปัจจัยลบ ดัชนีความเชื่อมมีน ของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการแข่งขันทางธุรกิจก็มีมากขึ้น ที่ผ่านมามีการเปิดตัวศูนย์การค้าใหญ่ๆ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในครึ่งปีแรกจึงมองว่าสภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวดี กำลังซื้อถดถอย ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้นในบางประเทศ
นายชำนาญ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายของครึ่งปีแรก บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการปรับแผน ด้วยการแบ่งทีมการตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคและตอบโจทย์ได้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้าเดอะมอลล์ กรุ๊ป จะมีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน จึงได้นำกลยุทธ์ Integration Identity & Differentiation (IID) การผสมผสานแบบคงเอกลักษณ์ที่แตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นการทำตลาดในแนวกว้างที่มีการรวมจัดแคมเปญของทั้งกรุ๊ป เพื่อสร้างความแรง และความคึกคักให้กับตลาด ในขณะเดียวกันก็มีการทำการตลาดในแนวลึก ที่เน้นแยกกลุ่ม เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละที่ โดยยังคำนึงถึงความแตกต่างที่จำเป็นในการสร้างความโดดเด่นของแต่ละห้างฯในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งแต่ละห้างฯ ในเครือจะมีแคมเปญที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ด้าน น.ส.ดวงตา พงษ์วิไลย์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด Corporate Marketing กล่าวว่า สำหรับในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้นอกจากแคมเปญ The Mall Anniversary 'Happy Surprise' แล้วเรายังมีการจัด 2 แคมเปญใหญ่ในการกระตุ้นยอดขาย โค้งสุดท้ายของครึ่งปีแรก ด้วย แคมเปญ Midnight Sale ระหว่างวันที 30 มิถุนายน-5 กรกฎาคม ศกนี้ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ โดยลดราคาสินค้าเคาน์เตอร์ปกติลดสูงสุด 30% และตั้งแต่บ่าย 2 โมงเป็นต้นไป เมื่อช้อปผ่าน M Card ครบตามที่กำหนด รับ Cash Coupon สูงสุด 1,200 บาท และโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย และงานมหกรรมลดทะลุพิกัด วันที่ 1-5 กรกฎาคม ศกนี้ที่ อิมแพค เมืองทองธานี สินค้ากว่า 1 ล้านรายการลดทุกชิ้นสูงสุด 80% หวังดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นายชำนาญ กล่าวปิดท้ายว่า มั่นใจครั้งปีปิดยอดขายครึ่งปีแรกเติบโต 10% สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าการแข่งขันในตลาดค้าปลีกยังคงมีสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปี 2558 โดยกลยุทธ์ IID (ไอไอดี) ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาด การผสมผสานแบบคงเอกลักษณ์ที่แตกต่างอย่างโดดเด่น ที่มีมิติการตลาดทั้งในแนวลึก และแนวกว้างที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยยังวางเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 53,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานหนักที่ต้องมีความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลัง